การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แมตช์เดย์ที่ 3 ประจำค่ำคืนวันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม 2025 มีลงสนาม 4 คู่  บิ๊กแมตช์อยู่ ในช่วงเวลา 22.30น.  แชมป์เก่า “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล จะเปิดแอนฟิลด์ต้อนรับการมาเยือนรองแชมป์อย่าง “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล 

โดยมี คริส คาวานาห์ จากเกสเตอร์ แมนเชสเตอร์ ลงทำหน้าที่ผู้ตัดสิน ส่วนหัวหน้าผู้ควบคุม VAR คือ ไมเคิ่ล ซาลิสบิวรี่ ครูพละจากเพนเวิร์ธแฮม ในแลงคาเชอร์ 

ความพร้อมเริ่มที่เจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล ออกสตาร์ทด้วยการคว้าชัยชนะมา 2 เกม มี 6 คะแนนเต็ม จากการชนะ บอร์นมัธ 4-2 และบุกเฉือน นิวคาสเซิ่ล 3-1 แต่ทีมของ อาร์เน่อ ชล็อต ถูกวิจารณ์อย่างหนักโดยเฉพาะแนวรับที่เสียประตูค่อนข้างง่าย ซึ่งเกมล่าสุดคู่แข่งเหลือผู้เล่น 10 คน แต่เล่นเป็นรอง เสียไปแล้ว 4 ประตู จากการถูกทราสซิสซั่น และรับมือกับลูกกลางอากาศ เกมนี้ยังไม่มี เฌเรมี่ ฟริมปง แบ็กขวาที่บาดเจ็บแฮมสตริง กลับมาหลังเบรกทีมชาติอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า จนเกมที่แล้วต้องถอย โดมินิค โซโบสไล ไปเล่น ส่วน อเล็กซิม แม็ค อัลลิสเตอร์ ที่ไปเฝ้าภรรยาคลอดบุตรน่าจะกลับมาช่วยทีมในเกมนี้ ที่เหลือถือว่าอยู่กันครับ อยู่ที่ว่าจะจัดใครลงสนาม เชื่อว่าแผงเกมรุกน่าจะยึดชุดเดิมวาง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ประสานงานกับ ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ และโคดี้ กัคโป โดยมี อูโก้ เอกิติเก้ เป็นหน้าเป้า 

ทางฝั่ง อาร์เซน่อล จบแมตช์เดย์ที่ 2 ด้วยการนำจ่าฝูงของตารางชนะ 2 เกมรวด ยิงคู่แข่งไป 6 เม็ด และยังไม่เสียประตู ล่าสุดถล่ม ลีดส์ ยูไนเต็ด มา 5-0 ทีมของ มิเกล อาร์เตต้า มีข่าวจะเสริมทัพในตำแหน่งแนวรับอย่าง ปิเอโร่ ฮิคาปิเอ้ จากไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ปัญหาหลักคือไม่มี บูกาโย่ ซาก้า ริมเส้นฝั่งขวาที่เจ็บแฮมสตริง ตามรายงานพัก 3-4 สัปดาห์ ส่วน มาร์ติน โอเดการ์ด เจ็บบริเวณไหล่ต้องรอดูว่าจะฟิตหรือไม่ แต่มีชื่อติดทีมชาตินอร์เวย์ในช่วงพักเบรกทีมชาติ ที่ยังลงไม่ได้คือ ไค ฮาแวร์ตซ์ และกาเบรียล เชซุส คาดว่า โนนี่ มาดูเอเก้ น่าจะได้ออกสตาร์ท ขุมกำลังถือว่าใหญ่มีตัวเลือกให้หมุนเวียนได้หลากหลายทั้ง เอเบเรซี่ เอเซ่, แม็กซ์ ดาวแมน และอีธาน วาเนรี่ 

สถิติการพบกันของทั้งสองทีม 244 ครั้งในทุกรายการ ลิเวอร์พูล ชนะ 95 เสมอ 66 และอาร์เซน่อล ชนะ 83 นับเฉพาะ 7 เกมหลังสุดในทุกรายการเสมอไปถึง 4 อาร์เซน่อล ชนะ 2 ลิเวอร์พูล ชนะ 1 

อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูล ไม่แพ้ อาร์เซน่อล ในการเล่นที่แอนฟิลด์มา 15 เกมติดในทุกรายการ ไม่นับลีก คัพ รอบ 4 ที่เสมอกัน 0-0 ก่อนดวลจุดโทษแพ้ 4-5 เมื่อตุลาคม 2020 ส่วนการเสียท่าคารังให้กับทีม ”ปืนใหญ่” หล่นล่าสุดเกิดขึ้นในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2012 แพ้ 0-2 จากการทำประตูของ ลูคัส โพดอลสกี้ และซานติ กาซอร์ล่

า 
ส่วนสถิติของโมฮาเหม็ด ซาลาห์ ในการพบกับ อาร์เซน่อล นับสมัยที่อยู่กับ เชลซี 18 เกม ด้วยในทุกรายการยิงได้ 11 ประตู และ 4 แอสซิสต์ 

ขณะที่ผู้ตัดสิน คริส คาวานาห์ ลงเป่า ลิเวอร์พูล ไป 22 เกมในทุกรายการ ชนะ 15 เสมอ 4 แพ้ 3 ฝั่ง อาร์เซน่อล 24 เกม ชนะ 11 เสมอ 8 แพ้ 5 

โดยลงทำหน้าที่ในการพบกันโดยตรง 1 เกม ในศึกพรีเมียร์ลีก ก่อนสัปดาห์บ็อกซิ่งเดย์ 23 ธันวาคม 2023 เสมอที่แอนฟิลด์ 1-1 กาเบรียล มากัลเญส โขกให้ อาร์เซน่อล นำตั้งแต่นาทีที่ 4 ก่อนที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ นาทีที่ 29 เป็นเกมที่มีจังหวะปัญหาจากการที่ มาร์ติน โอเดการ์ด ย่อตัวเอามือไปปัดบอลในกรอบเขตโทษ เช็ก VAR จากหัวหน้าผู้ควบคุมอย่าง เดวิด คูต ไม่ฟาวล์ ก่อนที่หัวหน้าองค์กรผู้ตัดสินอาชีพอังกฤษอย่าง ฮาเวิร์ด เว็บบ์ จะออกมายอมรับว่า ลิเวอร์พูล ควรได้จุดโทษ  

11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนามในเกมนี้

ลิเวอร์พูล (4-2-3-1): อลิสซอน เบ็คเกอร์, โดมินิค โซโบสไล, อิบราฮิม่า โกนาเต้, เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค, มิลอส เคอร์เคซ, ไรอัน กราเฟนแบร์ช, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ฟลอเรียน เวียร์ตซ์, โคดี้ กัคโป และอูโก้ เอกิติเก้  

อาร์เซน่อล (4-3-3): ดาบิด ราย่า, เยอร์เรี่ยน ทิมเบอร์, วิลเลี่ยม ซาลิบา, กาเบรียล มากัลเญส, ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่, เอเบเรซี่ เอเซ่, มาร์ติน ซูบีเมนดี้, เดแคลน ไรซ์, โนนี่ มาดูเอเก้, วิคเตอร์ เยอเคเรส และกาเบรียล มาร์ติเนลลี่     

สกอร์ที่คาด: ลิเวอร์พูล 3-2 อาร์เซน่อล