อิมาน เคลิฟ นักมวยแชมป์โอลิมปิกหญิงชาวแอลจีเรีย ซึ่งกลายเป็นประเด็นถกเถียงในศึกปารีส 2024 เกี่ยวกับสิทธิ์ของเธอ ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอนุญาโตตุลาการกีฬา คัดค้านคำตัดสินของสหพันธ์มวยโลก หรือ World boxing  ที่ห้ามนักกีฬาเข้าแข่งขันโดยไม่มีใบรับรองพันธุกรรม ขึ้นชก

CAS แถลงการณ์ว่า ขณะนี้ทั้งสองฝ่ายกำลังแลกเปลี่ยนเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษร และจะมีการกำหนดวันพิจารณาคดีตามข้อตกลงของทั้งสองฝ่าย

เคลิฟ ได้ประกาศว่า เธอจะไม่เข้าร่วมการแข่งขันชิงแชมป์โลกหญิง ซึ่งจะเริ่มต้นที่ลิเวอร์พูล สหราชอาณาจักร ที่จะเริ่มชกในวันพฤหัสบดีนี้ ไปจนถึงวันที่ 14 กันยายน ซึ่ง สหพันธ์มวยโลกเปิดเผยว่าจะเริ่มใช้การตรวจร่างกายภาคบังคับเป็นครั้งแรก แม้ว่าจะเฉพาะในประเภทหญิงเท่านั้น โดยประเภทชาย สหพันธ์ฯ ได้กำหนดวันที่ 1 มกราคม 2026 เป็นวันเริ่มต้น

“การดำเนินการทางกฎหมายของเคลิฟมีจุดมุ่งหมายเพื่อยกเลิกคำตัดสินดังกล่าว เพื่อที่จะสามารถแข่งขันที่ลิเวอร์พูลได้โดยไม่ต้องเข้ารับการตรวจ แถลงการณ์ยังระบุด้วยว่า คำร้องขอให้ระงับการตัดสินของเธอในระหว่างที่คดียังอยู่ระหว่างการพิจารณานั้นถูกปฏิเสธ”

นักมวยชาวแอลจีเรียรายนี้ตกอยู่ภายใต้การพิจารณาอย่างเข้มงวดมาตั้งแต่ฤดูร้อนปีที่แล้ว เมื่อเธอถูกตัดสิทธิ์จากการแข่งขันชิงแชมป์โลกปี 2023 โดยสมาคมมวยสากลนานาชาติ (IBA) เนื่องจากไม่ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติ อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) ได้ยอมรับให้เธอเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ฝรั่งเศส ร่วมกับหลิน ยู่ถิง นักมวยชาวไต้หวัน ซึ่งถูกตัดสิทธิ์จาก IBA ด้วยเหตุผลเดียวกัน

ขณะที่ความขัดแย้งระหว่าง IBA และ IOC ทวีความรุนแรงขึ้นท่ามกลางการถกเถียงที่ปารีส นั้น ปรากฎว่า IOC ได้ให้การรับรอง World Boxing ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา หนึ่งในการตัดสินใจแรกๆ ขององค์กรที่เพิ่งได้รับการรับรอง ซึ่งประกาศเมื่อเดือนพฤษภาคม คือการนำการตรวจหาเพศสภาพภาคบังคับสำหรับนักมวยชายและหญิงทันที ซึ่งเป็นนโยบายที่ตรงกับที่ IBA ได้สนับสนุนมาตั้งแต่ต้น 

การตัดสินใจนี้เป็นไปตามคำแนะนำของคณะผู้เชี่ยวชาญที่ได้ประเมินสถานการณ์และอนุมัติมาตรการดังกล่าวอย่างเป็นทางการ ทำให้ World Boxing เป็นสมาคมระดับโลกแห่งแรกที่บังคับใช้มาตรการนี้ ตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นไป โดยที่สหพันธ์กรีฑานานาชาติ หรือ World Athletics กำลังจะกำหนดให้นักกีฬาหญิงทุกคนต้องเข้ารับการตรวจยีน SRY เพียงครั้งเดียวในการแข่งขันระดับนานาชาติ เพื่อเป็นการตอกย้ำนโยบายการมีส่วนร่วมของบุคคลข้ามเพศ

ด้วยเหตุนี้ World Boxing จึงได้ขอโทษ เคลิฟ ที่พลาดไปประกาศชื่อของเธอต่อสาธารณะ เมื่อมีการตัดสินใจนำกฎการตรวจหาเพศสภาพภาคบังคับมาใช้ โดย บอริส ฟาน เดอ ฟอร์สท์ ประธานองค์กรเวิลด์บ็อกซิ่ง  ยอมรับว่าความเป็นส่วนตัวของ เคลิฟ ควรได้รับการปกป้องมากกว่านี้