การแข่งขันฟุตบอลโลก หรือ ฟีฟ่า เวิลด์ คัพ 2026 (FIFA World Cup 26™) เปิดเผยลูกฟุตบอลที่จะใช้ในการแข่งขันอย่างเป็นทางการออกมาแล้ว
ชื่อว่า TRIONDA หรือ ทรีอนด้า
รายละเอียดพิเศษที่เป็นสัญลักษณ์ของแต่ละประเทศอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น ดวงดาวของสหรัฐอเมริกา ใบเมเปิลของแคนาดา และนกอินทรีของเม็กซิโก โดยมีการใส่สัญลักษณ์เหล่านี้ไว้ที่แผ่นต่างๆ ที่ประกอบกันจนเป็นลูกฟุตบอล
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อมองดูใกล้ๆ ก็จะพบว่าลวดลายต่างๆ ที่มีความซับซ้อนเหล่านี้ยังมีการปั๊มนูนเพื่อเพิ่มผิวสัมผัสตามจุดต่างๆ ทั่วลูกฟุตบอลอีกด้วย อีกทั้งยังมีการตกแต่งด้วยสีทองที่แสดงถึงถ้วยฟุตบอลโลกอีกด้วย
TRIONDA นำเสนอวิวัฒนาการล่าสุด adidas Connected Ball ที่มีการใส่ระบบชิปสุดล้ำสมัยที่ติดตั้งด้านข้าง มาพร้อมเซ็นเซอร์วัดความเฉื่อยที่ความถี่ 500Hz (IMU) โดยอยู่ในชิ้นส่วน 1 แผ่นจาก 4 แผ่นที่ประกอบเป็นลูกฟุตบอล แทนการติดตั้งไว้ตรงกลางและยึดด้วยระบบกันสะเทือน และยังมีการเพิ่มน้ำหนักที่ชิ้นส่วนอีก 3 แผ่น ที่ช่วยทำให้ลูกฟุตบอลลอยในอากาศได้อย่างสมดุลและมีเสถียรภาพ
หลายคนจดจำกันได้ว่า ลูกฟุตบอลใบแรกของ อาดิดาส ในฟุตบอลโลก คือ เทลสตาร์ เมื่อปี 1970 ซึ่งที่จริงแล้วเปิดตัวอย่างไม่เป็นทางการไปก่อนหน้านั้นก็คือ ในศึกยูโร 1968 ชื่อว่า Telstar Elast
ก่อนจะมาดังคับโลกในเวลาต่อมา
น่าสนใจว่า รายละเอียดต่างๆ ในลูกฟุตบอล สำคัญเสมอ ไม่ใช่เพียง แค่เตะเอากันเพื่อเอามันอย่างเดียว
อาดิดาส เริ่มผลิตลูกฟุตบอลในปี 1963 และเทลสตาร์ ปรากฏให้เห็นในช่วงปลายทศวรรษ 1960ในการแข่งขันชิงแชมป์ยุโรปปี 1968 ก่อนที่จะกลายเป็นลูกฟุตบอลอาดิดาสลูกแรกในฟุตบอลโลกปี 1970 ที่เม็กซิโก ในอีก 2 ปีต่อมา
ลูกบอลเทลสตาร์ 1970 เป็นลูกหนัง ที่คุ้นตา จนเป็นต้นแบบของการออกแบบลูกฟุตบอลระดับโลก ที่เราเรียกกันตามๆ กันมาว่า "บอลเปเล่"
เพราะมันเกิดใน ยุคของ "ไข่มุกดำ" แห่งบราซิล ครองแชมป์โลก เป็นสมัยที่ 3 และก็มี "บอลเปเล่" ในบ้านเราให้ฮิตกันเกร่อในยุคต่อๆ มา
“เทลสตาร์" ถูกตั้งชื่อให้เกียรติกับ "เทลสตาร์ 1" ดาวเทียมที่ถูกส่งขึ้นไป เมื่อ 10 กรกฎาคม 1962 โคจรรอบโลกเป็นวงรี โดยใช้การควบคุมการโคจรจากสถานีภาคพื้นดินที่อยู่บนโลก ดาวเทียมดวงนี้ถือว่าเป็นดาวเทียมดวงแรกของโลกที่ใช้ในการสื่อสารอย่างแท้จริง และใช้ส่งรายการโทรทัศน์รวมลงมาด้วย
นั่นก็เพราะว่า บอลโลก ปี 1970 คือครั้งแรกที่มีการถ่ายทอดสดผ่านทางโทรทัศน์
"บอลหนัง" แบบแรกของโลก ไม่ได้ใช้ "บอลยาง" อย่างที่ผ่านๆ มา
เป็นหนังเย็บติดกัน 32 ชิ้น แบ่งเป็นสีดำ 5 เหลี่ยม 12 ชิ้น และสีขาว 6 เหลี่ยม 20 ชิ้น สาเหตุที่ใช้แต่หนังสีขาว-ดำนั้น
มีเหตุผลเหตุผลหนึ่งระบุว่าเป็นเพราะว่าเป็นปีที่มีการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกไปทั่วโลกเป็นครั้งแรก โดยยุคนั้นทีวีส่วนใหญ่เป็น "ทีวีขาวดำ"
จากนั้นลูกฟุตบอลรุ่นสำหรับฟุตบอลโลกปี 1974 ที่เยอรมนีตะวันตก โดดเด่นด้วยการเคลือบโพลียูรีเทน ซึ่งช่วยกันน้ำและช่วยรักษารูปทรงของลูกบอลและทนต่อการเสียดสี
โพลียูรีเทนมีความยืดหยุ่นและไม่แข็งตัวในสภาพอากาศหนาวเย็น ซึ่งแตกต่างจากหนัง การแข่งขันชิงแชมป์ยุโรปปี 1984 ที่ประเทศฝรั่งเศส เป็นทัวร์นาเมนต์สำคัญครั้งแรกที่ใช้ลูกฟุตบอลที่ไม่ใช่หนังทั้งหมด
จากนั้นอีกสองปีต่อมา ลูกฟุตบอลสังเคราะห์ลูกแรกสำหรับฟุตบอลโลก 1986 ก็ถูกนำมาใช้
ซึ่งครั้งนั้นลูกบอลอัซเตก้า ได้รับการยกย่องในเรื่องของลวดลาย และใส่ตำนานต่าง ๆ ลงไปในลูกฟุตบอลได้อย่างยิ่งใหญ่ที่สุด
ลูกบอกอัซเตก้า มาจากความหมายสำคัญของ "แอซเท็ก" กลุ่มอารยชน ที่ฉลาด เก่งเรื่องเกษตร และโหราพยากรณ์ ที่สามารถพลิกฟื้นผืนแผ่นดินของพวกเขา ที่ไร้ซึ่งผู้ใดหรือว่าจะใครคิดเหลียวแล
ให้กลายเป็นผืนแผ่นดินทองคำ ในช่วงคริสต์ศักราชที่ 12-13
โดยเป็นกลุ่มที่อพยพจาก ตอนเหนือของอเมริกา มาปักหลักอยู่ เซ็นทรัล เม็กซิโก ซึ่งปัจจุบันก็คือเมืองเม็กซิโก ซิตี้ ที่นิยมการบูชายันต์โดยใช้มนุษย์เป็นเครื่องสังเวยต่อเทพเจ้า ก่อนจะโดนโค่นด้วยมือของ เอร์นาน คอร์เตส นายพลชาวสเปน ในปี 1521
อีกหนึ่งตัวอย่างของการใส่ตำนานลงไปในลูกบอล ก็คือ "อีทรัสกัน" ในปี 1990 ที่อิตาลี
ลวดลายที่ใช้ในลูกฟุตบอลอีทรัสโก้ ก็นำมาจากในสมัยต้นยุคประวัติศาสตร์และอารยธรรมโรมัน 600 ปี ก่อน ค.ศ. ที่มีชื่อว่า "อีทรัสกัน" ที่มีสัญลักษณ์คือ สิงโต3หัว
กล่าวคือ อีทรัสกัน ซึ่งเป็นพวกที่ วางรูปวัฒนธรรมของชาวโรมันแต่เริ่มแรก โดยรับอารยธรรมกรีกมาผสมผสานกับอารยธรรมของตนและส่งต่อให้กับโรม การปกครองของโรมในระยะแรกอยู่ภายใต้ การปกครองของกษัตริย์ที่มีพื้นเพเป็น อิทรัสกัน ก่อนที่ขุนนางโรมันจะยึดอำนาจ 509 ปี ก่อน ค.ศ.
ขุนนางโรมันประสบความสำเร็จในการล้มกษัตริย์อีทรัสกัน และ เปลี่ยนแปลงระบอบกษัตริย์มาเป็นสาธารณรัฐปกครองโดยชนชั้นขุนนาง
ยิ่งไปกว่านั้น อีทรัสกัน ยังทำจากวัสดุสังเคราะห์ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นไปอีกระดับ ด้วยการใช้ ใยสังเคราะห์ และใช้น้ำยางที่สร้างความ เหนียวแน่น และทนแต่แรงเสียดสี ป้องกันแรงฉีกขาดได้ดีกว่าเดิม พร้อมทั้งการผสมโพลียูริเทนเข้าไปในการผลิตเพื่อกันน้ำ 100%
ความงามของมันก็คือ มีลวดลายมาในแนวอิงประวัติศาสตร์ของ อิตาลี ด้วยการมีหัวสิงโต 3 หัวในสไตล์ของอีทรัสกัน
ชีพจรฟุตบอลเดินทางมาถึงวันนี้ อาดิดาส คือผู้ผลิตมาโดยตลอดกับลูกบอลของฟุตบอลโลก แล้วใครล่ะคือเจ้าสุดท้ายก่อนจะเปลี่ยนโฉมหน้าไปตลอดกาล
บันทึกหลายแห่งตรงกันครับ นั่นก็คือ Slazenger บริษัทในแถบดาร์บี้เชอร์ของอังกฤษ
เมื่อปี 1966 ซึ่ง อังกฤษ เป็นเจ้าภาพนั้น “Slazenger” ใช้ชื่อลูกบอลว่า Challenge 4-star ส่วนประกอบรวมกันคือ 18 ชิ้น
สีของลูกบอลจะออกไปทางเหลือง และส้ม พร้อมกับได้รับการทดสอบจากสมาคมฟุตบอลอังกฤษ ที่โซโห สแควร์
มีหนึ่งในข้อมูลที่น่าสนใจจากเว็บไซต์ soccer ball จากข้อมูลของ มร.การ์ลอส เดล คาสติลโล่ ระบุว่า มีลูกฟุตบอลชื่อว่า “ซานติอาโก” สีขาวจากอาดิดาส เกือบจะได้เป็นลูกบอลอย่างเป็นทางการของฟุตบอลโลกปี 1966 แต่แพ้ สลาเซนเกอร์
ทำให้บันทึกเอาไว้ว่า Challenge 4-star เป็นลูกฟุตบอลจากผลิตอื่นลูกสุดท้าย ก่อนเข้าสู่ยุคของ "Telstar" ที่หลายคนเรียกติดปากว่า "บอลเปเล่"
บีแหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี