ปี 2025 ในวงการฟุตบอลถือเป็นปีที่เต็มไปด้วยความผันผวน ราวกับรถไฟเหาะ ทั้งการคัมแบ็กอันเหลือเชื่อ ชัยชนะทางประวัติศาสตร์ รวมไปถึงทีมที่ยุติการรอคอยถ้วยแชมป์อันยาวนาน ไปจนถึงนักเตะที่สร้างหมุดหมายสำคัญในอาชีพของตัวเอง และความโศกเศร้าที่สะเทือนหัวใจแฟนบอลทั่วโลก ปีนี้มีครบทุกอารมณ์ มาย้อนดูช่วงเวลาฟุตบอลที่โดดเด่นที่สุดของปีกัน

ปีทองของ เปแอสเช   

                หลังจากไล่ล่าแชมป์ยุโรปมาอย่างยาวนาน ในที่สุด ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ก็สามารถคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาครองได้สำเร็จ ภายใต้การคุมทีมของ หลุยส์ เอ็นริเก้ โดยชัยชนะอันขาดลอย 5-0 เหนือ อินเตอร์ มิลาน แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของ PSG ในฐานะผู้นำแห่งฟุตบอลสโมสรยุโรป วิตินญ่า และ อุสมาน เดมเบเล่ คือสองนักเตะที่โดดเด่นในเกมรุกที่ไหลลื่นและดุดันตลอดทั้งคืน พร้อมตอกย้ำสถานะของเอ็นริเก้ในฐานะกุนซือยอดเยี่ยมแห่งปี

นอกจากนี้ทีมของ เอ็นริเก้ ยังเดินหน้าคว้าแชมป์ ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ ด้วยการชนะจุดโทษ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์  และตามด้วย แชมป์ ฟีฟ่า อินเตอร์คอนติเนนตัล คัพ ที่ชนะจุดโทษ ฟลาเมงโก 2-1 ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นก็คือในปี 2025  เปแอสเช ยังคว้าแชมป์เรียบวุธในประเทศได้แก่ ลีก เอิง, กูป เดอ ฟร้องซ์ และ โทรเฟ เดส์ ชองปียองส์ ทำให้ "เปแอสเช" สร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์รวมทั้งหมด 6 รายการ หรือที่เรียกว่า  "เซ็กซ์ทูเพิล" ภายในปีเดียวด้วย

เปแอสเช ไม่ได้แค่ชนะ แต่ทำให้ทั้งยุโรปยอมรับว่าพวกเขาคือมาตรฐานใหม่ของฟุตบอลระดับสโมสร

เชลซี กับการเป็นแชมป์เหนือแชมป์

ทัพ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี กวาดแชมป์บนเวทีลูกหนังยุโรปครบทุกรายการได้แก่ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 สมัย (2011/12, 2020/21), ยูฟ่า ยูโรปา ลีก 2 สมัย (2012/12, 2018/19) ,ยูฟ่า คัพ วินเนอร์ส คัพ 2 สมัย (1970/71, 1997/98) ปัจจุบันยกเลิกไปแล้ว, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 2 สมัย (1998, 2021),  และ ยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ ลีก (2024/25)  ทำให้ สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) ตัดสินใจมอบรางวัลพิเศษที่เรียกว่า "ยูโรเปี้ยน เซ็ต"  ให้กับ เชลซี สำหรับความยิ่งใหญ่ที่พวกเขาทำได้

                เท่านั้นยังไม่พอในการแข่งขันฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ รูปแบบใหม่ ซึ่งจัดขึ้นที่สหรัฐอเมริกาก่อนฟุตบอลโลก 2026 เป็นครั้งแรก มีทั้งหมด 32 ทีมเข้าร่วมชิงความเป็นหนึ่ง เชลซี สร้างเซอร์ไพรส์หักปากกาเซียน ด้วยการเอาชนะ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง แชมป์ยุโรปไปได้ 3-0 ในนัดชิงชนะเลิศ ได้อีก ทำให้พวกเขาเป็นแชมป์สโมสรโลกยุคใหม่ทีมแรกอย่างเป็นทางการ

ลิเวอร์พูล กับช่วงเวลาดั่งรถไฟเหาะ

                จากฤดูกาลที่แล้ว “หงส์แดง” ภายใต้การคุมทัพของ อาร์เน่อ สล็อต ที่เข้ามาสานต่อทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ สร้างผลงานสุดยิ่งใหญ่ด้วยการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก มาครองได้สำเร็จ กระนั้นมาในฤดูกาลนี้ ด้วยการเปลี่ยนแปลงภายในทีม และการเสริมทัพครั้งใหญ่ กลับกลายเป็นสิ่งที่ทำให้ ลิเวอร์พูล ต้องพบกับปัญหามากมาย

                ผลงานที่เคยโดดเด่นจนคว้าแชมป์เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา แทบหายไป และทีมต้องปรับตัวอย่างหนักในการปรับตัวกับแท็คติกใหม่  ทำให้ ลิเวอร์พูล ผลงานระส่ำอย่างมากในช่วงครึ่งซีซั่นแรกของฤดูกาลนี้ จนทำให้ กุนซือชาวดัตช์ กลายเป็นตัวเต็งที่จะโดนปลดมาแล้ว

แม้สถานการณ์ในเวลานี้อาจจะคลี่คลายไปบ้าง แต่ในครึ่งซีซั่นหลัง อาร์เน่อ สล็อต จำเป็นต้องรักษามาตรฐานการเล่นให้ดีกว่านี้  หากหวังพาทีมกลับไปสู่บัลลังก์แชมป์อีกครั้ง

สุดอาลัย “โชต้า” เสียชีวิต

โศกนาฏกรรมเกิดขึ้นกับวงการฟุตบอลอีกครั้ง เมื่อ ดิโอโก้ โชต้า กองหน้าทีมชาติโปรตุเกสและลิเวอร์พูล เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ในประเทศสเปน พร้อมกับ อังเดร ซิลวา น้องชายของเขา โชต้า มีฤดูกาลที่ยอดเยี่ยม คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกกับ ลิเวอร์พูล และแชมป์ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก กับทีมชาติโปรตุเกส การสูญเสียครั้งนี้สร้างความโศกเศร้าให้กับแฟนบอลและคนในวงการลูกหนังทั่วทั้งโลก

“อิซัค” กับสถิติแข้งแพงสุดพรีเมียร์ลีก

กลายเป็นหนึ่งในดีลย้ายทีมสุดมหากาพย์แห่งซัมเมอร์ที่ผ่านมา  หลัง ลิเวอร์พูล บรรลุข้อตกลงสะเทือนวงการด้วยการคว้าตัว อเล็กซานเดอร์ อิซัค ดาวยิงฟอร์มร้อนของ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด มาร่วมทีม ค่าตัวเป็น สถิติใหม่ของเกาะอังกฤษสูงถึง 125 ล้านปอนด์ (ราว 5,400 ล้านบาท)

                โดยดีลนี้ไม่ได้มาโดยง่าย หลังจากที่ข้อเสนอแรกของ ลิเวอร์พูล มูลค่า 110 ล้านปอนด์  ถูกปฏิเสธไปเมื่อต้นเดือนสิงหาคม สถานการณ์ก็ทวีความตึงเครียดขึ้น เมื่ออิซัคได้งัดข้อ กับสโมสรต้นสังกัดอย่าง นิวคาสเซิ่ล เต็มรูปแบบ ด้วยการปฏิเสธที่จะกลับมาฝึกซ้อมภายใต้การคุมทีมของเอ็ดดี้ ฮาว ผู้จัดการทีม

แม้กลุ่มทุนจากซาอุดีอาระเบีย เจ้าของทีมนิวคาสเซิล จะพยายามรั้งตัวเขาไว้ด้วยการยื่นสัญญาฉบับใหม่ที่จะทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นที่รับค่าเหนื่อยสูงสุดของสโมสร แต่ก็ไม่เป็นผล เมื่ออดีตดาวยิงของเรอัล โซเซียดาด มุ่งมั่นที่จะบีบให้สโมสรปล่อยตัวเขาสู่แอนฟิลด์ให้ได้ ถึงขั้นปฏิเสธที่จะเดินทางไปทัวร์ปรีซีซั่นกับทีม ก่อนที่สุดท้าย ดาวยิงวัย 25 ปี จะได้ย้ายมาค้าแข้งในถิ่น แอนฟิลด์ ในที่สุด

“เดมเบเล่”คว้าบัลลงดอร์ 2025

หลังจากต้องต่อสู้กับอาการบาดเจ็บที่เคยเกือบทำลายอาชีพของเขา มาถึงปีนี้ อุสมาน เดมเบเล่ นำ PSG คว้าแชมป์ลีกเอิง เฟร้นช์ ซูเปอร์ คัพ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยผลงาน ลงสนาม 53 นัด ยิง 35 ประตู แอสซิสต์ 16 ครั้ง  รวมทั้งคว้ารางวัล ดาวซัลโว ลีก เอิง (21 ประตู) คว้ารางวัล ผู้เล่นยอดเยี่ยม ลีก เอิง และ คว้ารางวัล ผู้เล่นยอดเยี่ยม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

ก่อนที่เจ้าตัวจะก้าวมาถึงจุดสูงสุดในอาชีพค้าแข้งด้วยการคว้ารางวัล บัลลงดอร์ มาครอง ในวัย 28 ปี พร้อมกลายเป็นแข้งฝรั่งเศสรายที่ 6 ในประวัติศาสตร์ ที่ได้รางวัลนี้ ต่อจาก คาริม เบนเซม่า, ซีเนดีน ซีดาน, ฌอง-ปิแอร์ ปาแปง, เรย์มงด์ โกปา และ มิเชล พลาตินี่ (3 สมัย)

“เนย์มาร์” พาซานโตส รอดตกชั้น

เนย์มาร์ กลับมาสู่สโมสรในวัยเด็กอย่าง ซานโตส และโชว์ฟอร์มอันยอดเยี่ยมต่อเนื่อง ช่วยให้ทีมรอดพ้นจากการตกชั้น แม้จะต้องลงเล่นทั้งที่มีอาการบาดเจ็บ แต่ความคิดสร้างสรรค์ การทำเกม และการทำประตูของซูเปอร์สตาร์ชาวบราซิล มีส่วนสำคัญต่อชัยชนะในเกมสำคัญหลายแมตช์ ขณะที่เขากำลังเตรียมตัวสำหรับฟุตบอลโลก 2026 หลังเข้ารับการผ่าตัดหัวเข่า

สเปอร์ส มีถ้วยแชมป์แล้ว

ฤดูกาลแห่งการปลดล็อกยังคงดำเนินต่อไป เมื่อ ท็อตแน่ม ฮ็อต สเปอร์ คว้าแชมป์เมเจอร์รายการแรกของสโมสร ด้วยการคว้าแชมป์ยูโรปา ลีก ปี 2025 ประตูในครึ่งแรกของ เบรนแนน จอห์นสัน เป็นประตูชัย ขณะที่ มิคกี้ ฟาน เดอ เฟน มีจังหวะเคลียร์บอลบนเส้นประตูอย่างเหลือเชื่อ เพื่อรักษาสกอร์เอาไว้ ก่อนที่ ซน ฮึง-มิน จะได้ชูถ้วยแชมป์แรกในชีวิตกับสเปอร์ส และยืนยันสถานะของเขาในฐานะตำนานของสโมสรอย่างแท้จริง

วิกฤตร่างกายนักเตะ  

ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2025 ที่สหรัฐอเมริกา ไม่ใช่แค่ทัวร์นาเมนต์ใหม่ แต่มันคือการ “รีเซ็ตอำนาจ” ของฟุตบอลสโมสรโลกโดย FIFA อย่างชัดเจนที่สุด ทีมอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้, เรอัล มาดริด, บาเยิร์น มิวนิค, เปแอสเช และ เชลซี ถูกดึงเข้ามาอยู่ในโปรเจกต์ที่สร้างขึ้นเพื่อรายได้มหาศาลจากลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด สปอนเซอร์ และตลาดอเมริกา

ในขณะที่สโมสรแทบไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ ,นักเตะไม่มีสิทธิ์เลือก และลีกภายในประเทศต้องยอมขยับปฏิทินตามคำสั่งเบื้องบน ทำให้นักเตะระดับโลกอาทิ  เควิน เดอ บรอยน์, โรดรี้, เออร์ลิง เบราท์ ฮาแลนด์,บูกาโย่ ซาก้า หรือ จู๊ด เบลลิงแฮม

ที่ถูกใช้งานต่อเนื่อในฤดูกาลที่หนักอยู่แล้ว ต้องแบกรับความคาดหวังเกินสภาพร่างกายจริง

นักเตะวัย 22–26 ปี ซึ่งควรเป็นช่วงพีค กลับเต็มไปด้วยอาการล้าเรื้อรัง กล้ามเนื้อฉีกซ้ำ เอ็นอักเสบสะสม นี่ไม่ใช่ปัญหาส่วนบุคคล แต่เป็นปัญหาระบบ

 ฟุตบอลโลกสโมสรปีนี้จึงไม่ใช่ชัยชนะของเกมลูกหนัง แต่มันคือชัยชนะของ โครงสร้างทุน และเป็นการย้ำชัดว่า FIFA มองฟุตบอลในฐานะสินค้าระดับโลกมากกว่ากีฬาไปแล้ว

                                                            กาลอป