ปี 2025 ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์กีฬาโลกว่าเป็นปีที่เต็มไปด้วยการทำลายขีดจำกัด ทั้งในเชิงสถิติ ความสามารถของมนุษย์ และพลังทางอารมณ์ของการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นสนามกอล์ฟ , ลู่วิ่ง , สนามเทนนิส หรือสังเวียนต่อสู้ ทุกพื้นที่ล้วนมีเรื่องราวที่เปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์ของแต่ละวงการอย่างแท้จริง  ก่อนเจอกันปีหน้าฟ้าใหม่ 2026

 

กอล์ฟ : ปีทองของ “โปรจีโน่”  

LPGA ทัวร์ ฤดูกาล 2025 กลายเป็นปีที่ "โปรจีโน่" อาฒยา ฐิติกุล ประสบความสำเร็จที่สุดนับตั้งแต่เทิร์นโปร ของนักกอล์ฟสาวไทย เมื่อคว้าแชมป์ได้มากที่สุดตั้งแต่เข้าร่วม LPGA Tour รวม 3 รายการ และเป็นแชมป์แชมป์แอลพีจีเอ รายการที่ 7 ในอาชีพ นอกจากนี้หากนับผลงานการคว้าแชมป์ในปี 2025 เธอทำได้ถึง 4 รายการ ประกอบด้วย

ซาอุดี เลดี้ส์ อินเตอร์เนชั่นแนล  เป็นแชมป์ในฝั่ง Ladies European Tour (LET) ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ก่อนที่จะคว้าแชมป LPGA อีก 3 รายการไล่ตั้งแต่ มิซูโฮ อเมริกา โอเพ่น   รายการแรกของปี เดือนพฤษภาคม   ,บิวอิค แอลพีจีเอ เซี่ยงไฮ้ ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน  และปิดท้ายที่ ซีเอ็มอี กรุ๊ป ทัวร์ แชมเปียนชิพ   ที่รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา  ซึ่งรายการปิดท้ายฤดูกาลนี้  ถือว่า “โปรจีโน่” สามารถป้องกันแชมป์เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกันด้วย และถือเป็นนักกอล์ฟคนที่สองในประวัติศาสตร์ที่คว้าแชมป์รายการนี้ได้ 2 สมัยติด ต่อจากโค จิน ยอง อดีตมือ 1 โลกชาวเกาหลีใต้ ทำไว้เมื่อปี 2020-2021

 ส่วนรางวัลเกียรติยศแห่งปี 2025 “โปรจีโน่” คว้ารางวัลนักกอล์ฟยอดเยี่ยมแห่งปี (LPGA Tour Player of the Year) เป็นครั้งแรกในอาชีพ และเป็นนักกอล์ฟไทยคนที่สอง ต่อจาก “เม” เอรียา จุฑานุกาล ที่เคยทำได้ในปี 2018 นอกจากนี้ยังได้รางวัลสกอร์เฉลี่ยต่ำที่สุดแห่งปี "แวร์ โทรฟี่" ด้วยสกอร์เฉลี่ย 68.68 ซึ่งถือเป็นสกอร์เฉลี่ยต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์แอลพีจีเอ นับเป็นครั้งที่สองที่เธอคว้ารางวัลนี้ ต่อจากปี 2023

ส่วนเงินรางวัลสะสมปีนี้ “โปรจีโน่” ทำเงินรางวัลไปกว่า 7,578,330 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 260 ล้านบาท) มากที่สุดในทัวร์ ทำสถิติเงินรางวัลสูงสุดต่อ 1 ฤดูกาล ทำลายสถิติเดิมที่ตัวเองทำไว้เมื่อปีที่แล้ว 6,059,309 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 196.9 ล้านบาท) ลงได้สำเร็จ

 ด้วยวัยเพียง 22 ปี "โปรจีน"ได้รับการยอมรับจากสื่อต่างชาติว่าเป็นนักกอล์ฟที่มีความสม่ำเสมอที่สุดในโลก ณ ตอนนี้ และเชื่อว่าในปีหน้าเราจะยังได้เห็นเธอสร้างผลงานให้วงการกอล์ฟโลกอีกมากมายแน่นอน

เทนนิส : เข้าสู่ยุคใหม่อย่างสมบูรณ์

จากคอร์ตดิน สู่คอร์ตหญ้า และฮาร์ดคอร์ต โลกเทนนิสได้เห็นสองคู่แข่งแห่งยุค ผลักดันกันจนก้าวข้ามขีดจำกัด และทำให้กีฬาชนิดนี้ยิ่งใหญ่กว่าที่เคยเป็น ฤดูกาล 2025 จึงไม่ใช่แค่ปีของแชมป์ แต่คือปีที่โลกเทนนิสเข้าสู่ ยุคใหม่อย่างสมบูรณ์  

แกรนด์สแลมทั้ง 4 รายการ ถูกผูกขาดโดย 2 ยอดนักหวดอย่าง คาร์ลอส อัลการาซ นักเทนนิสชาวสเปน และ ยานนิค ซินเนอร์  หวดชาวอิตาเลียน  ไล่ตั้งแต่ ออสเตรเลียน โอเพ่น: (ซินเนอร์) ,เฟรนช์ โอเพ่น: (อัลการาซ) ,วิมเบิลดัน: (ซินเนอร์) และ ยูเอส โอเพ่น: (อัลการาซ)

หนึ่งในแมตช์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เกิดขึ้นในเฟรชน์ โอเพ่น นี่คือหลักฐานชัดเจนว่าการเปลี่ยนผ่านของเทนนิสโลกไม่ได้เกิดจากการหายไปของตำนาน แต่เกิดจากการก้าวขึ้นมาของนักกีฬารุ่นใหม่อย่างเต็มศักยภาพ คาร์ลอส อัลการาซ นักหวดชาวสเปน แสดงให้เห็นถึงความครบเครื่องทั้งด้านร่างกาย แท็กติก และสภาพจิตใจในเกมที่ใช้พลังอย่างมหาศาล

 ซินเนอร์ ออกนำก่อน 2-0 เซต และมีถึง 3 แชมเปี้ยนชิพพอยต์ แต่ อัลการาซ แสดงหัวใจนักสู้ เบรกได้ทั้งหมด ก่อนลากเกมเข้าสู่ไทเบรกเซตสุดท้ายที่ยืดเยื้อถึงแต้มที่ 22 ก่อนที่สุดท้าย จะพลิกเอาชนะไปได้ 3-2 เซต คว้าแชมป์ เฟรนช์ โอเพ่น สมัยที่ 2 พร้อมตอกย้ำสถานะ “ราชาคอร์ตดิน” 

แต่เพียงหนึ่งเดือนหลังฝันร้ายที่ปารีส ซินเนอร์ กลับมาพิสูจน์ตัวเองบนคอร์ตหญ้า แม้จะรอดตายหวุดหวิดในรอบ 16 คนสุดท้าย ก่อนฟอร์มจะยกระดับ ไล่อัด โนวัค ยอโควิช 3-0 เซต ในรอบรองชนะเลิศ และโค่น คาร์ลอส อัลคาราซ ในนัดชิง 3-1 เซต แชมป์ วิมเบิลดัน ครั้งแรกในชีวิต คือบทพิสูจน์ว่า ซินเนอร์ คือยอดนักเทนนิสของโลกยุคใหม่อย่างแท้จริง

ความสำเร็จไม่ได้มาจากพรสวรรค์เพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากวินัยและการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง เทนนิสโลกในปี 2025 จึงถูกมองว่าเข้าสู่ยุคใหม่อย่างสมบูรณ์แบบ

เบสบอล : โชเฮ โอทานิ ผู้สร้างปรากฏการณ์

หากมีนักกีฬาคนหนึ่งที่ถูกนิยามว่า “เปลี่ยนประวัติศาสตร์ของกีฬา” ได้จริง ชื่อของ โชเฮ โอทานิ จะต้องถูกบันทึกไว้ในบรรทัดแรกของเบสบอลยุคใหม่ และการพาทีม ลอสแอนเจลิส ดอดเจอร์ส  คว้าแชมป์ MLB คือบทพิสูจน์ที่ชัดเจนที่สุดว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงนักกีฬาที่มีพรสวรรค์ แต่คือผู้เล่นที่สร้างความแตกต่างในระดับแชมป์อย่างแท้จริง

 ดอดเจอร์ส คว้าแชมป์ประจำฤดูกาลของ เมเจอร์ ลีก เบสบอล (MLB) หรือที่คุ้นหูในชื่อ เวิลด์ซีรี่ส์ ได้ในปี 2025 หลังเฉือนชนะ โตรอนโต้ บลู เจย์ส ในเกม 7 ไปแบบบีบหัวใจ ปิดซีรี่ส์ชนะ 4-3 เกม ฉลองแชมป์เวิลด์ซีรี่ส์สมัยที่ 9 และสร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมแรกในรอบ 25 ปี ที่ป้องกันแชมป์ได้สำเร็จ

การคว้าแชมป์ของทีมที่โอทานิเป็นแกนหลัก ถูกมองว่าเป็นจุดสูงสุดของการเดินทางอันยาวนาน จากนักเบสบอลชาวญี่ปุ่นที่ก้าวเข้าสู่ลีกที่โหดที่สุดในโลก สู่การยืนอยู่บนเวทีแชมป์ที่นักกีฬาทั่วโลกใฝ่ฝัน เขาไม่ได้เพียง “ร่วมทีมแชมป์” แต่มีบทบาทสำคัญทั้งในเชิงแท็กติก ผลงานในสนาม และแรงกดดันที่เขาสร้างให้กับคู่แข่งตลอดฤดูกาล

แชมป์ครั้งนี้คือสิ่งที่เติมเต็มภาพของโชเฮ โอทานิ อย่างสมบูรณ์ จากนักกีฬาที่ “ทำได้ทุกอย่าง” สู่ผู้เล่นที่ “ชนะทุกอย่าง” ในระดับทีม มันคือคำตอบสุดท้ายต่อทุกคำถามว่าเขาเป็นเพียงปรากฏการณ์ชั่วคราว หรือคือหนึ่งในนักเบสบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

ในปี 2025 ชื่อของโชเฮ โอทานิ จึงไม่ได้ถูกพูดถึงแค่ในฐานะทูเวย์เพลเยอร์ หรือซูเปอร์สตาร์ระดับโลกอีกต่อไป แต่ถูกจารึกไว้ในฐานะ “แชมป์ MLB” ผู้พิสูจน์ว่า ความสามารถระดับตำนาน สามารถแปรเปลี่ยนเป็นความสำเร็จสูงสุดของทีมได้จริง

F1 : นอร์ริส ฝันที่เป็นจริงกับแชมป์สมัยแรก

แลนโด นอร์ริส ยอดนักขับชาวอังกฤษของทีมแม็คลาเรน สร้างประวัติศาสตร์ให้กับอาชีพการขับรถสูตร 1 ของตัวเอง หลังผงาดคว้าแชมป์โลกฟอร์มูลาวันมาครองได้เป็นสมัยแรกอย่างเป็นทางการ

ความสำเร็จครั้งนี้ถูกการันตีในสนามสุดท้ายของฤดูกาล ศึกอาบู ดาบี กรังด์ปรีซ์ แม้นอร์ริสจะเข้าเส้นชัยในอันดับ 3 แต่ก็เพียงพอสำหรับการคว้าแต้มรวมสูงสุดของปี

ฤดูกาล 2025 ถือเป็นปีที่ นอร์ริส โชว์ความสม่ำเสมอได้อย่างยอดเยี่ยม ตั้งแต่เรซแรกจนถึงเรซสุดท้าย โดยแทบไม่หลุดจากกลุ่มหัวแถวของการแข่งขัน นักขับวัย 25 ปี คว้าชัยชนะหลายสนามสำคัญ และเก็บคะแนนได้ต่อเนื่อง แม้ต้องเผชิญการแข่งขันอันดุเดือดจากคู่แข่งระดับแชมป์โลกหลายคน

แม็คลาเรน เองก็มีบทบาทสำคัญกับความสำเร็จครั้งนี้ หลังพัฒนารถให้มีความสมดุลทั้งความเร็วทางตรงและการยึดเกาะในโค้ง การทำงานร่วมกันอย่างลงตัวระหว่างทีมวิศวกรและนักขับ ช่วยให้นอร์ริสรักษาฟอร์มระดับสูงได้ตลอดทั้งฤดูกาล ก่อนจะคว้าแชมป์มาครองได้เป็นหนแรกในรอบ 17 ปีเช่นกัน

เรซสุดท้ายที่อาบู ดาบีจึงกลายเป็นสนามแห่งความทรงจำ เมื่ออันดับ 3 ที่ได้มาเพียงพอสำหรับการปิดจ็อบแชมป์โลก

ทันทีที่เข้าเส้นชัย นอร์ริสแสดงอารมณ์ดีใจอย่างสุดกลั้น หลังรู้ว่าความฝันในวัยเด็กได้กลายเป็นความจริง แชมป์โลกครั้งนี้ทำให้เขากลายเป็นนักขับชาวอังกฤษคนล่าสุดที่จารึกชื่อบนบัลลังก์ฟอร์มูลาวัน

และเป็นการยืนยันว่าแลนโด นอร์ริส ได้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในนักขับระดับแถวหน้าของยุคนี้อย่างเต็มตัว

กรีฑา : เพดานของมนุษย์ยังไม่หยุดสูงขึ้น

อาร์ม็อง ดูพลานติส ยังคงทำให้โลกกรีฑาต้องตั้งคำถามซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า เพดานความสามารถของมนุษย์อยู่ตรงไหน ในปี 2025 เขาทำลายสถิติโลกกระโดดค้ำถ่อได้อีกครั้ง ทั้งที่หลายฝ่ายเชื่อว่าสถิติเดิมแทบจะเป็น “ขีดจำกัดสุดท้าย” แล้ว

ดูพลานติส ทำลายสถิติโลกกระโดดค้ำถ่อชายเป็นครั้งที่ 13 และเป็นครั้งที่ 3 ในปีนี้ สถิติ 6.29 เมตร ในการแข่งขันฮังกาเรียน กรังด์ปรีซ์  ซึ่งก่อนหน้านี้แชมป์โอลิมปิกและแชมป์โลกสองสมัยวัย 25 ปี ทำลายสถิติ 6.28 เมตร ในการแข่งขันสตอกโฮล์ม ไดมอนด์ ลีก เมื่อเดือนมิถุนายน แต่เขาทำลายสถิตินี้ได้สำเร็จในการพยายามครั้งที่สองที่บูดาเปสต์

ก่อนหน้านี้ เขาทำลายสถิติโลกครั้งแรกที่ เรโน ลาวิลเลนี ชาวฝรั่งเศส ครองไว้เป็นเวลา 6 ปี เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2020 ด้วยการทำได้ 6.17 เมตร ที่ประเทศโปแลนด์ โดยเครื่องหมายการค้าของ ดูพลานติส ก็คือ เขาจะก้าวข้ามสถิติไปทีละหนึ่งเซนติเมตร

ความพิเศษของ ดูพลานติส  ไม่ใช่แค่ความสูงที่ทำได้ แต่คือความสม่ำเสมอในทุกเวทีใหญ่ เขาแทบไม่เคยพลาดในช่วงเวลาสำคัญ และสามารถรักษามาตรฐานระดับสูงได้ตลอดทั้งฤดูกาล นักวิเคราะห์กีฬาหลายคนมองว่าเขาคือผลลัพธ์ของการพัฒนานักกีฬายุคใหม่ ที่ผสานชีวกลศาสตร์ วิทยาศาสตร์การฝึกซ้อม และการจัดการจิตใจเข้าไว้ด้วยกันอย่างสมบูรณ์

ปี 2025 จึงเป็นอีกปีที่ ดูพลานติส ไม่เพียงชนะคู่แข่ง แต่ชนะข้อจำกัดของมนุษย์เอง

จักรยาน : โปกาชาร์ กับการก้าวขึ้นมาเป็น GOAT ของวงการ

ทาเดย์ โปกาชาร์ สร้างผลงานอันยอดเยี่ยมคว้าแชมป์การแข่งขันจักรยานทางไกลรายการตูร์ เดอ ฟรองซ์ ประจำปี 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ส่งผลให้นักปั่นชาวสโลวีเนียวัย 25 ปี คว้าแชมป์ตูร์ เดอ ฟรองซ์ เป็นสมัยที่ 4 ในรอบ 6 ปี (2020, 2021 และ 2024) พร้อมขึ้นโพเดียมต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 โดยมีสองครั้งที่จบอันดับ 2

เขาถูกยกย่องว่าเป็นนักปั่นที่อ่านเกมเก่งที่สุดคนหนึ่งในยุค สามารถเลือกจังหวะโจมตีได้อย่างแม่นยำ และบริหารพลังได้อย่างยอดเยี่ยม ชัยชนะครั้งนี้ตอกย้ำว่าในกีฬาจักรยาน ความสม่ำเสมอสำคัญไม่แพ้ความเร็ว

ไม่ว่าจะเป็นสถิติส่วนตัว หรือความสำเร็จที่ โปกาชาร์ ได้ทำเอาไว้ ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในนักปั่นจักรยานที่ได้รับการยกย่องว่าเก่งที่สุดในขณะนี้

                                                กาลอป