ศูนย์วิจัยธ.ก.ส.เปิดผลสำรวจระบุความสุขเกษตรกรไทยเพิ่ม หลังได้รับเงินจำนำข้าว ผลผลิตออกสู่ตลาด ราคาสินค้าเกษตรเพิ่ม มีเงินจับจ่ายคล่อง ด้านพาณิชย์เตรียมเสนอยุทธศาสตร์ระบายข้าวให้นบข. อนุมัติ
นายสมศักดิ์ กังธีระวัฒน์ รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่าศูนย์วิจัย ธ.ก.ส. ได้สำรวจความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่างเกษตรกรทั่วประเทศช่วงเดือนมิถุนายน 2557 หัวข้อ “ระดับความสุขของเกษตรกรไทย” พบว่าความสุขมวลรวมของเกษตรกรไทยในภาพรวมอยู่ในระดับมากด้วยคะแนนเฉลี่ย 3.10 จากคะแนนเต็ม 4 คะแนนโดยเกษตรกรมีความสุขในระดับมากขึ้นไปคิดเป็น 78.51% เมื่อจำแนกความสุขตามอาชีพการเกษตรพบว่าเกษตรกรที่ทำสวนผลไม้มีคะแนนเฉลี่ยความสุขมวลรวมสูงสุด เพราะเป็นช่วงฤดูกาลผลไม้ออกสู่ตลาดมีรายได้มากขึ้น
สำหรับระดับความสุขของเกษตรกรหลังได้รับเงินโครงการรับจำนำข้าว พบว่า เกษตรกรมีความสุขมวลรวมเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับมากที่สุดด้วยคะแนนเฉลี่ย 3.35 จากคะแนนเต็ม 4 คะแนน ภายหลังจากได้รับเงินจากโครงการรับจำนำข้าว โดยเกษตรกรผู้ปลูกข้าวส่วนใหญ่มีความสุขในระดับมากขึ้นไปคิดเป็น 88.6% เนื่องจากเมื่อได้รับเงินแล้วมีสภาพคล่องใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ศูนย์วิจัย ธ.ก.ส.ได้วิเคราะห์เศรษฐกิจไทยครึ่งหลังปี 2557 จะขยายตัว 2.5-3.5% ต่อปี ดีกว่าครึ่งปีแรกเพราะสภาพเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยดีขึ้น ส่งผลให้อุปสงค์ต่างประเทศผ่านภาคการส่งออกและอุปสงค์ภายในประเทศ ทั้งการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวได้ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์ทางการเมือง การเร่งรัดจ่ายเงินโครงการจำนำข้าวของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ช่วยให้เกษตรกรมีรายได้ใช้จ่ายในการลงทุนทางการเกษตรและการบริโภคภาคชนบท คาดว่าเศรษฐกิจไทยทั้งปี 2557 จะขยายตัว 1.6-2.4% ต่อปี
ด้านเศรษฐกิจการเกษตรไทยครึ่งหลังปี 2557 มีแนวโน้มจะขยายตัว 2.6-3.2% เนื่องจากการขยายตัวของผลผลิตพืชสำคัญ ได้แก่ ข้าวนาปี อ้อย ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และผลไม้ ในครึ่งหลังของปี รวมถึงแนวโน้มผลผลิตไก่เนื้อ สุกร ไข่ไก่ ที่เพิ่มมากขึ้น โดยคาดว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจะทำให้ความต้องการสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่อการส่งออกสินค้าเกษตรทำให้รายได้ของภาคเกษตรเพิ่มตามไปด้วย แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ราคาน้ำมัน ภัยแล้ง ภาวะน้ำท่วม และโรคระบาดที่อาจส่งผลกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตรเสียหายได้
สินค้าเกษตรที่จะมีราคาสูงขึ้น ได้แก่ มันสำปะหลัง อ้อยโรงงานและน้ำตาลทราย ไก่เนื้อ และสุกร สินค้าเกษตรที่คาดว่าราคาจะลดลงเล็กน้อย ได้แก่ ข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และกุ้งขาวแวนนาไม โดยราคาข้าวเปลือกเจ้า 15% ที่ความชื้น 15% จะอยู่ที่ราว 7,700-7,800 บาทต่อตัน แต่หากความชื้นสูงกว่า 20% ราคาอาจลดลงเหลืออยู่ที่ 6,000 บาท ส่วนข้าวหอมมะลิราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่ 1.4-1.5 หมื่นบาทต่อตัน ซึ่งต้องรอดูว่าหลังจากนี้ภาครัฐจะมีมาตรการอะไรออกมาช่วยเหลือเกษตรกรหรือไม่
นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการระบายข้าวมีมติเห็นชอบแผนยุทธศาสตร์การระบายข้าว เพื่อเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช.เป็นประธาน เพื่อขอให้อนุมัติกรอบการขายข้าวในสต๊อกรัฐบาล โดยการระบายข้าวจะเริ่มประมาณต้นเดือนสิงหาคมนี้ เฉลี่ยเดือนละ 5 แสนตัน จากนั้นจะมีการระบายข้าวอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาที่เหมาะสมเพื่อเรียกส่วนแบ่งตลาดข้าวที่เสียไปกลับคืนมา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี