บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) วิเคราะห์หุ้นกลุ่มพลังงานจากการที่รัฐบาลกำลังอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างพลังงานในหลายๆ ด้าน เราได้วิเคราะห์แนวทางการปฏิรูปพลังงานในด้านหลักๆ ที่มีการพิจารณากันอยู่
การปรับราคาขาย LPG และ NGV จะเป็นเหมือนของขวัญที่ PTT ได้รับโดยไม่คาดหมายเราคาดว่ากำไรสุทธิของ PTT จะเพิ่ม 16% หากมีการปรับโครงสร้างราคา NGV จริง ขณะที่เราคาดว่าการปรับราคา LPG จะทำให้ PTTGC จะมีผลขาดทุนหลังหักภาษี 3.4-5.2 พันล้านบาทต่อปี และหักล้างกับกำไรหลังหักภาษีของ PTT ที่ได้เพิ่มขึ้น 1.7-2.6 พันล้านบาทต่อปี เราไม่หวังมากนักว่า PTT จะได้ประโยชน์จากการปรับราคา LPG เพราะคาดว่าราคาที่เพิ่มจะถูกส่งเข้ากองทุนน้ำมันในระยะสั้นถึงระยะกลาง แต่ถึงที่สุดแล้วก็น่าจะส่งผลบวกต่อกำไรสุทธิของ PTT ประมาณ 9.5 พันล้านบาท
เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2557 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ออกประกาศฉบับแรกเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างราคาน้ำมัน โดยปรับลดสัดส่วนการจ่ายเงินเข้ากองทุนน้ำมัน ภาษี และค่าการตลาดของน้ำมันทุกประเภท แต่ยังคงราคาขายหน้าโรงกลั่นเอาไว้เหมือนเดิม ซึ่งนับเป็นข่าวดีสำหรับโรงกลั่นอย่างเช่น Thai Oil (TOP) และ IRPC (IRPC) แต่ค่าการตลาดที่ลดลงจะส่งผลลบต่อบริษัทที่มีธุรกิจค้าปลีกน้ำมันอย่างเช่น PTT (PTT) และ Bangchak (BCP) ซึ่งการปรับราคารอบนี้เป็นเพียงแค่ระดับผิวเผินของการปรับโครงสร้างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่เราคาดว่ากำลังจะเกิดขึ้นเท่านั้น แต่ก็ถือเป็นการเกริ่นให้เห็นแนวทางที่อยู่ในใจของคสช.
คสช. ประกาศว่า PTT จะต้องแยกท่อส่งก๊าซออกมาอยู่ภายใต้บริษัทใหม่ เพื่อสร้างความโปร่งใสและเปิดโอกาสให้มีการแข่งขันได้ ทั้งนี้ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าการเปิดให้ผู้ประกอบการสามารถใช้ท่อส่งก๊าซได้ด้วยจะช่วยลดการผูกขาดของ PTT ลงได้จริงๆ เพราะ PTT มีความได้เปรียบตามธรรมชาติเหนือคู่แข่งรายอื่นๆ อยู่แล้วจากการมีธุรกิจพลังงานครบวงจรและมีแหล่งก๊าซที่หลากหลาย
รัฐบาลได้จัดการกับประเด็นการยื่นขอใบอนุญาตธุรกิจการผลิตไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์เพื่อเก็งกำไร โดยการจำกัดระยะเวลาที่ต้องเริ่มดำเนินการและลดอัตราผลตอบแทนโครงการลงเพื่อสะท้อนถึงต้นทุนของ solar module ที่ลดลง เราเชื่อว่าถึงที่สุดแล้วการผลิตไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์จะไปเน้นที่ระบบ solar rooftops ของที่อยู่อาศัยและภาคอุตสาหกรรม ซึ่งโครงสร้าง Feed-in-Tariff ใหม่ก็สะท้อนแนวคิดดังกล่าวเพราะให้ผลตอบแทนสูงสุดกับโครงการ rooftop จากเดิมที่ให้การอุดหนุนอย่างมากต่อโครงการโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์
เราคาดว่า PTT จะได้ประโยชน์มากที่สุดจากการปฏิรูปพลังงานด้วยการปรับราคา NGV และ LPG ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 11-16% และ 9.5% ของประมาณการกำไรสุทธิเฉลี่ยตามลำดับ แต่ในอีกด้านหนึ่งก็คาดว่าการปรับราคาจะทำให้ PTTGC ขาดทุนถึง 3.4-5.2 พันล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็น 10-15% ของประมาณการปี 2558 ทั้งนี้ PTTEP อาจจะได้ประโยชน์ในระยะยาวจากความคืบหน้าในเรื่องของการเจรจาพื้นที่ทับซ้อน
ที่มา : บล.เคจีไอ (ประเทศไทย)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี