จีนเดินหน้าตั้งธนาคารAIIB แหล่งเงินทุนใหม่ของอาเซียน
ไทย-มาเลย์-ฟิลิปปินส์’ลงนาม
รมว.คลังของไทยบินไปลงนามร่วมกับ “มาเลเซีย-ฟิลิปปินส์-จีน” ตั้งธนาคาร AIIB แล้ว เพื่อรองรับการพัฒนาโครงสร้าง
พื้นฐาน ทั้ง “พลังงาน-คมนาคม-สื่อสาร” เผยจีนขอมีส่วนสำคัญในการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านการค้าและการลงทุนของภูมิภาค
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) เปิดเผยว่า ในการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เอเปก ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อเร็วๆ นี้นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจในการจัดตั้ง ธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย (Asian Infrastructure Investment Bank : AIIB) หรือเอไอไอบี ณ เรือนรับรองรัฐบาลเตียวหยู่ไถ กรุงปักกิ่ง ซึ่งเป็นการลงนาม ล่วงหน้าร่วมกับรมว.คลังมาเลเซีย และรมว.คลังฟิลิปปินส์ โดยพิธีลงนามอย่างเป็นทางการมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 24 ต.ค. 2557
ทั้งนี้ การจัดตั้งธนาคาร AIIB เป็นแนวคิดของประเทศจีนที่มีความต้องการให้ความช่วยเหลือประเทศสมาชิกในการลงทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในด้านต่างๆ อาทิ โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน คมนาคม และสื่อสารโทรคมนาคม เป็นต้น และจะเป็นแหล่งเงินทุนอีกทางเลือกหนึ่งของไทยและประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียที่ยังมีความต้องการเงินลงทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสูงมาก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อการขยายตัวและการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน รวมทั้งจะมีส่วนสำคัญในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านการค้าและการลงทุนของภูมิภาค
นายกฤษฎา กล่าวอีกว่า สำหรับการลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจครั้งนี้ เป็นการแสดงเจตนารมณ์ของไทยในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้ง AIIB โดยประเทศที่เป็นสมาชิกอาเซียนทุกประเทศได้แสดงเจตนารมณ์การเข้าร่วมเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้ง AIIB เช่นกัน ทั้งนี้ ร่างบันทึกความเข้าใจฯ ได้กำหนดหลักการและกรอบการดำเนินงานเบื้องต้นของ AIIB และการลงนาม ในครั้งนี้
มีรายงานแจ้งว่า สำหรับการตั้งธนาคาร AIIB มีวงเงิน 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยประเทศสมาชิกจะส่งเงินสมทบเข้าร่วมตามสัดส่วนของผลิตภัณฑ์มวลรวม(จีดีพี) ของแต่ละประเทศ และเป็นเงินสมทบจากประเทศนอกสมาชิกประมาณ ร้อยละ 25 ของวงเงินจัดตั้งทั้งหมด ส่วนไทยจะมีความสามารถสนับสนุนด้านการเงินได้ประมาณ 5,000 ล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ในเบื้องต้น สศค.ประเมินว่า ไทยจะมีความสามารถสนับสนุนด้านการเงินได้ประมาณ 5 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.5 แสนล้านบาท ใช้ระยะเวลาระดมทุนประมาณ 5-7 ปี แต่ความเป็นไปได้ที่จะจัดตั้งธนาคาร AIIB มองว่า ยังต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน โดยต้องหารือกับประเทศในภูมิภาคอาเซียน เพื่อกำหนดบทบาทและทิศทางร่วมกันในรายละเอียดดำเนินการ
ก่อนหน้านี้ สศค.พิจารณาว่า การจัดตั้ง AIIB จะเป็นประโยชน์กับไทย โดยเฉพาะกรณีที่ไทยมีแผนจะลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ รถไฟความเร็วสูง อาจจำเป็นต้องใช้เงินทุนจากแหล่งต่างๆ และจีนเองก็ต้องการเข้ามามีบทบาทในเวทีอาเซียน มีลักษณะคล้ายกับ ธนาคารโลกหรือ เวิลด์แบงก์ และธนาคารพัฒนาเอเชียหรือเอดีบี
ขณะที่ นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เคยให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ว่า เห็นด้วยกับการร่วมจัดตั้ง AIIB ส่วนเงินที่ใช้ในการร่วมลงทุน หากเรื่องนี้เป็นระดับนโยบายของภาครัฐ ก็คงเป็นหน้าที่ของกระทรวงการคลังที่ต้องหาเงินมาใส่เข้าไป ซึ่งวิธีการสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การออกพันธบัตร(บอนด์) ระดมทุนแล้วนำเงินไปร่วมลงทุน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี