กกพ. หรือเรกูเลเตอร์ปรับลดค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ(เอฟที)งวดใหม่ (พฤษภาคม-สิงหาคม) ลง 9.35 สต./หน่วย หลังต้นทุนผลิตไฟฟ้าลดตามราคาก๊าซ-น้ำมันดิบ ชี้งวดหน้ามีสิทธิ์ลงอีก 9.35 สต./หน่วย ถ้าไม่ใช้ไฟฟ้ากันเพลินจนยอดพุ่งต้องผลิตเพิ่ม
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)หรือเรกูเลเตอร์ ในฐานะโฆษก เปิดเผยภายหลังจากการประชุมว่าคณะกรรมการได้พิจารณาค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าเอฟที สำหรับการเรียกเก็บเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม 2558 โดย กกพ. ได้ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ทบทวนและปรับลดตัวเลขที่คำนวณได้ เพื่อให้สะท้อนราคาค่าเชื้อเพลิงโดยแท้จริง จึงมีมติให้เรียกเก็บค่าเอฟที อัตรา 49.61 สต./หน่วย ลดลง 9.35 สต./หน่วย เมื่อเปรียบเทียบกับค่าเอฟที งวดที่ผ่านมาจำนวน 58.96 สต./หน่วย เมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐานแล้วทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยทุกประเภท 3.76 บาท/หน่วย
ทั้งนี้ หากพิจารณาจากต้นทุนเฉพาะงวดนี้แล้วจะมีผลทำให้ค่าเอฟที ลดลงได้ 5.69 สต./หน่วย อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากประมาณการค่าเอฟทีในงวดถัดไป (กันยายน-ธันวาคม 2558) คาดว่าราคาก๊าซธรรมชาติจะสามารถลดลงได้อีกประมาณ 20 บาท/ล้านบีทียู ซึ่งจะส่งผลให้ค่าเอฟทีงวดถัดไป (กันยายน-ธันวาคม 2558) ลดลงได้อีกประมาณ 13 สต./หน่วย กกพ. จึงเห็นควรให้นำค่าเอฟทีงวดหน้าที่จะลดลงประมาณ 13 สต./หน่วย มาพิจารณาประกอบด้วย
ดังนั้นที่ประชุมจึงมีมติให้ค่าเอฟทีงวดเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม 2558 เท่ากับ 49.61 สต./หน่วย หรือลดลง 9.35 สต./หน่วย และงวดหน้าจะลดลงอีกประมาณ 9.35 สต./หน่วย ยกเว้นความต้องการใช้ไฟฟ้าอยู่ในเกณฑ์สูง ทำให้ใช้น้ำมันผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น และหากราคาน้ำมันดิบดูไบสูงขึ้นมากกว่า 50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ก็อาจจะให้ต้นทุนสูงกว่านี้
“จากราคาน้ำมันที่ลดลง ทำให้ภาพรวมค่าไฟฟ้าเอฟทีโดยรวมปีนี้ลดลงประมาณ 30 สต./หน่วย ซึ่งถือได้ว่าเป็นการลดค่าครองชีพแก่ประชาชน อย่างไรก็ตาม ในส่วนของต้นทุนเอฟทีที่มีผลจากการอุดหนุนพลังงานทดแทนทำให้ต้นทุนงวดนี้สูงถึง 14 สต./หน่วย หรือรวม 8,144 ล้านบาท” นายวีระพล กล่าว
สำหรับสาเหตุสำคัญที่ส่งผลต่อการปรับลดค่าเอฟทีงวดเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2558 มาจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่ลดลง โดยเฉพาะราคาก๊าซธรรมชาติที่สะท้อนจากต้นทุนราคาน้ำมันย้อนหลัง 6 เดือน ซึ่งราคาน้ำมันลดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง จึงส่งผลให้ราคาก๊าซธรรมชาติลดลงและส่งผลกระทบต่อค่าเอฟทีที่เรียกเก็บตั้งแต่งวดเดือนมกราคม - เมษายน 2558 ต่อเนื่องมาจนถึงงวดเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม 2558 โดยราคาก๊าซงวดนี้อยู่ที่ 262.40 บาท/ล้านบีทียู ลดลง 20.60 บาท/หน่วย อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์หยุดจ่ายก๊าซของเมียนมาร์ตั้งแต่ช่วงวันที่ 10-27 เมษายนนี้ทำให้มีความจำเป็นต้องใช้น้ำมันเตาเพื่อผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากแผนเดิมจำนวน 56.49 ล้านลิตร
นอกจากนี้ ปัจจัยอื่นที่มีผลกระทบต่อต้นทุน ได้แก่ ความต้องการพลังงานไฟฟ้าคาดว่าจะเท่ากับ 63,401 ล้านหน่วย สูงกว่าช่วงเดือนมกราคม - เมษายน 2558 ประมาณ 6.58% ตามความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นเมื่อเริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูร้อน, อัตราแลกเปลี่ยนในช่วงนี้ไม่ผันผวนมากนัก โดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนที่ 33.05 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ในการประมาณการ ซึ่งเมื่อเทียบกับช่วงเดือนมกราคม - เมษายน 2558 ใช้อัตราแลกเปลี่ยนที่ 33 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
สัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงการผลิตไฟฟ้าในงวดเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม 2558 เมื่อเทียบกับงวดที่ผ่านมา (มกราคม-เมษายน 2558) ยังคงใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลัก 66.05% รองลงมาเป็นซื้อไฟฟ้าจากลาวและมาเลเซีย 9.75% ถ่านหินนำเข้า 9.08% ถ่านหินลิกไนต์ 7.91% และพลังน้ำ 2.70% ส่วนราคาเชื้อเพลิง คาดว่าราคาก๊าซธรรมชาติจะอยู่ที่ 262.40 บาท/ล้านบีทียู ปรับตัวลดลงจากงวดที่ผ่านมา 20.60 บาท/ล้านบีทียู น้ำมันเตาจะอยู่ที่ 15.20 บาท/ลิตร ลดลง 6.83 บาท/ลิตร ส่วนน้ำมันดีเซลจะอยู่ที่ 25.86 บาท/ลิตร เพิ่มขึ้น 1.31 บาท/ลิตร และถ่านหินนำเข้าจะอยู่ที่ 3,386.20 บาท/ตัน เพิ่มขึ้น 3.17 บาท/ตัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี