นายนาวา จันทนสุรคน อุปนายกสมาคมเหล็กแผ่นรีดร้อนไทย เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมเหล็กมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของชาติ แต่ในระยะที่ผ่านมาอุตสาหกรรมเหล็กของไทยขาดการส่งเสริมและปกป้องจากภาครัฐ จนประเทศไทยอยู่ในภาวะที่น่าเป็นห่วงยิ่งเพราะต้องนำเข้าสุทธิสินค้าเหล็ก (ปริมาณนำเข้า-ปริมาณส่งออก) สูงถึง 14.4 ล้านตันต่อปี มากสุดเป็นลำดับที่สองของโลก รองจากสหรัฐอเมริกาซึ่งมีการนำเข้าเหล็กสุทธิ 17.8 ล้านตันต่อปี ทั้งๆ ที่เศรษฐกิจของประเทศไทยมีขนาดของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (GDP) เพียงแค่ 1 ใน 49 ของสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ทำให้เงินตราของประเทศไทยไหลออกเนื่องจากการนำเข้าเหล็กเป็นมูลค่ามหาศาลหลายแสนล้านบาทต่อปี ในขณะที่อุตสาหกรรมเหล็กในประเทศกำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤติ ต้องสูญเสียส่วนแบ่งตลาดให้กับการทุ่มตลาดและการค้าเหล็กที่ไม่เป็นธรรมจากต่างประเทศอย่างรุนแรง รวมถึงการหลีกเลี่ยงอากรนำเข้า อากรตอบโต้การทุ่มตลาด และอากรปกป้องการนำเข้าที่เพิ่มขึ้น ด้วยกลวิธีต่างๆ
“สมาคมอุตสาหกรรมเหล็กต่างๆกำลังเฝ้ารอว่าการขับเคลื่อนของหน่วยราชการจะมีความรวดเร็วและทันเหตุการณ์เพียงใดไม่ว่าจะเป็นการกำหนดค่าธรรมเนียมพิเศษ (Surcharge) การนำเข้าผลิตภัณฑ์เหล็ก ซึ่งสมาคมอุตสาหกรรมเหล็กได้ยื่นเรื่องไปยังสำนักงานบีโอไอตั้งแต่เดือนมีนาคม 2558 โดยคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้มีมติอนุมัติในหลักการ เมื่อเดือนพฤษภาคมให้ใช้Surcharge กับสินค้าเหล็กนำเข้าได้ หรือการเร่งเปิดไต่สวนเพื่อตอบโต้การทุ่มตลาด และปกป้องการนำเข้าสินค้าเหล็กที่เพิ่มขึ้น ซึ่งยังค้างอยู่ที่กรมการค้าต่างประเทศ หลายรายการ ตลอดจนการออกกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถบังคับใช้มาตรการตอบโต้การอุดหนุน (Countervailing Duty) ได้จริง ทั้งๆ ที่มีพ.ร.บ.ออกมาแล้วกว่า 16 ปี แต่ไม่เคยใช้มาตรการนี้เลย”
ด้านนายวิกรม วัชรคุปต์ ประธานคณะกรรมการส่งเสริมการค้า ของสมาพันธ์เหล็กและเหล็กกล้าอาเซียน (AISC) เปิดเผยว่า ประเทศไทยคือเป้าหมายใหญ่สุดในอาเซียนที่กำลังถูกทุ่มตลาดสินค้าเหล็กอย่างรุนแรง โดยอาเซียนมีการนำเข้าสินค้าเหล็กมากกว่า 46 ล้านตันต่อปี คิดเป็นสัดส่วนมากถึง 70% ของปริมาณการใช้เหล็กในอาเซียน โดยประเทศไทยเป็นประเทศที่มีเหล็กนำเข้ามากสุดในอาเซียน ทั้งนี้ สมาพันธ์เหล็กและเหล็กกล้าอาเซียน ยืนยันว่ายินดีเปิดรับต่อการค้าเสรี แต่ต้องเป็นการค้าที่เป็นธรรมด้วย จึงเรียกร้องให้ภาครัฐของทุกประเทศในอาเซียนต้องไม่ลังเลที่จะตอบโต้การค้าสินค้าเหล็กที่ไม่เป็นธรรม ด้วยมาตรการต่างๆ ที่ได้ผลอย่างจริงจัง ดังเช่น ประเทศอื่นๆ ที่ใช้ทั้งมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด มาตรการปกป้องการนำเข้าที่เพิ่มขึ้น หรือแม้กระทั่งการขึ้นอัตราภาษีหรืออากรนำเข้าสินค้าเหล็ก ดังเช่นที่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย อินเดีย บราซิล เกาหลีใต้ ได้ดำเนินการในระยะหลังนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี