“บิ๊กตู่” นำทีมเศรษฐกิจพบนักธุรกิจต่างชาติ กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้ายืนยันรัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนการลงทุนให้เป็นไปอย่างราบรื่น ด้านนักธุรกิจต่างชาติร้องขอให้ไทยพัฒนาระบบสาธารณูปโภค อำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้า เร่งเจรจาการค้า ลดอุปสรรคการลงทุน
เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2558 เวลา 09.00 น.ที่ตึกไทยคู่ฟ้าทำเนียบรัฐบาลพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลังนางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ นางอรรชกา สีบุญเรืองรมว.อุตสาหกรรม และนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมช.พาณิชย์ ร่วมพบปะกับภาคเอกชนชั้นนำจากต่างประเทศ ตามกำหนดการ “Prime Minister meet CEOs” ครั้งที่ 1ประกอบไปด้วยกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ ได้แก่ บริษัท Mitsubishi Motor และบริษัท AutoAlliance กลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าบริษัท HGSTบริษัท Seagate (Technology บริษัท Mitsubishi Electrics Consumer บริษัท Thai Samsung Electrics
ภายหลังการหารือพล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกฯได้กล่าวขอบคุณกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีส่วนช่วยขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศไทย ปัจจุบันรัฐบาลได้ดำเนินการต่างๆเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่ประเทศไทยและเพื่อให้เป็นไปตามกติกาของโลก อยากให้ภาคอุตสาหกรรมร่วมมือและเดินหน้าพัฒนาเศรษฐกิจไปด้วยกัน โดยรัฐบาลพร้อมจะให้การสนับสนุนการดำเนินธุรกิจและการลงทุนให้เป็นไปอย่างราบรื่น
ทั้งนี้ นายโมริคาซุ ซกกิ ประธานบริษัท MitsubishiMotors กล่าวว่า บริษัทให้ความสำคัญกับการลงทุนในประเทศไทยซึ่งมีความสำคัญเป็นลำดับสองรองจากญี่ปุ่นในด้านการผลิตของบริษัท และปีนี้ มีแผนที่จะขยายการลงทุนอีก 33 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม เห็นว่า รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นความต้องการภายในประเทศ ในภาคการเกษตรและเอสเอ็มอีแล้ว จึงขอให้พิจารณาส่งเสริมภาคการเงินเพราะปัจจุบันประชาชนในส่วนภูมิภาคมีกำลังซื้อน้อยลง พร้อมทั้งขอให้ดูแลเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเพราะช่วงที่ผ่านมาความเคลื่อนไหวของเงินบาทที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยนมีผลทางการค้า
โดยในประเด็นนี้นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้นายสมคิดนำเรื่องนี้ไปพิจารณา โดยกำชับว่าต้องไม่เป็นการสร้าง ดีมานด์เทียม ซึ่งเป็นการบิดเบือนตลาดและต้องไม่เป็นการเพิ่มหนี้ในครัวเรือนให้กับประชาชนมากเกินไป ส่วนค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับเงินเยนมีเสถียรภาพมากขึ้นแล้ว และไทยอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้เกี่ยวกับการให้บริษัทญี่ปุ่นสามารถทำธุรกรรมเป็นเงินเยนได้
พร้อมกันนี้รัฐบาลอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อจัดทำความตกลงพันธมิตรทางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค (RCEP)ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับบริษัทต่างชาติที่ลงทุนในไทย ส่วนกระทรวงพาณิชย์กำลังเจรจาเขตการค้าเสรีกับตุรกี ชิลี อินเดีย จีนและญี่ปุ่น ซึ่งจะบรรลุผลในไม่ช้านอกจากนี้ไทยกำลังเร่งเพิ่มคุณภาพของแรงงานเพื่อตอบสนองอุตสาหกรรมต่างๆ
นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวถึงการเร่งซ่อมแซมเส้นทางการขนส่งที่แออัดและชำรุด เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการขนส่งสินค้าภายในประเทศและระหว่างประเทศ และเร่งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ นอกจากนี้กำลังดำเนินการปรับโครงสร้างทางภาษีทั้งระบบ โดยจะเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้ผลิตรถยนต์ ECO Car และรถยนต์ไฟฟ้า โดยนายกรัฐมนตรีได้ขอให้ผู้ประกอบการต่างชาติศึกษาสิทธิประโยชน์ใหม่ๆ จากนโยบายของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ และการเชื่อมต่อทางธุรกิจกับผู้ประกอบการรายเล็ก ตลอดจนการจัดตั้งศูนย์การวิจัยและพัฒนาในประเทศไทย
ขณะที่กลุ่มผู้บริหารระดับสูงบริษัท AutoAllianceผู้ผลิตรถยนต์ยี่ห้อ Ford และ Mazda ประกอบด้วย นายเทรเวอร์ เนกัส ประธานและผู้บริหารระดับสูงนายมาร์ค คอฟแมน ประธานประจำภูมิภาคอาเซียน และนายฮิเดสึเกะ ทาเกสุเอะ ประธาน บริษัทมาสด้าเซลส์(ประเทศไทย) ย้ำว่ายังเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทยและจะเพิ่มการลงทุนแน่นอน ซึ่งเชื่อว่าเศรษฐกิจโลกในปีหน้ามีแนวโน้มสดใสขึ้น และอยากให้รัฐบาลพัฒนาด้านสาธารณูปโภค เพื่ออำนวยความสะดวกในการลงทุนให้มากขึ้น เพราะปัจจุบันเส้นทางการขนส่งเริ่มแออัดและชำรุด เป็นอุปสรรคต่อการขนส่ง
ซึ่งเรื่องนี้นายกรัฐมนตรียืนยันว่ารัฐบาลกำลังเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆพร้อมกันนี้ได้เชิญชวนให้นักลงทุนลงไปสำรวจเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อดูความเป็นไปได้ในการเข้าไปลงทุน สำหรับโครงสร้างระบบภาษีสรรพสามิตรถยนต์ที่จะปรับใหม่ในปีหน้า นายกรัฐมนตรีชี้แจงว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อระบบอุตสาหกรรมรถยนต์ในภาพรวม
ส่วนการหารือกับกลุ่มอุตสากรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ประกอบด้วย บริษัท HGST บริษัท Seagate Technology บริษัท Mitsubishi ElectronicsConsumer และ บริษัท Thai Samsung Electronicsนั้นนายกรัฐมนตรีย้ำว่าอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้ามีส่วนช่วยขับเคลื่อนและพัฒนาเศรษฐกิจไทยโดยหวังให้มีการลงทุนเพิ่ม ซึ่งรัฐบาลจะหามาตรการดูแลการค้าที่เสรีและเป็นธรรม และสนับสนุนการลงทุนของต่างชาติในประเทศไทย
โดยผู้บริหารกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ยืนยันว่ายังเชื่อมั่นต่อศักยภาพของประเทศไทย อีกทั้งอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ยังคงเป็นสินค้าส่งออกของไทยในลำดับต้น แต่บริษัทประสบอุปสรรคด้านโครงสร้างพื้นฐานไม่เอื้ออำนวยต่อการประกอบธุรกิจ อีกทั้งยังเกิดปัญหาไฟฟ้าดับบ่อยในนิคมอุตสาหกรรมส่งผลต่อการผลิตและส่งมอบสินค้าส่งออก นอกจากนี้ขอให้ไทยเร่งเจรจาเขตการค้าเสรี (FTA) กับสหภาพยุโรปให้ได้โดยเร็ว
ซึ่งนายกรัฐมนตรียืนยันว่า รัฐบาลไทยไม่ได้ละเลยเรื่องการเจรจาทางการค้า ซึ่งเป็นช่องทางสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ รวมทั้งเป็นประโยชน์ต่อการขยายการค้าการลงทุนในระยะยาว สำหรับการเข้าเป็นสมาชิกความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแฟซิฟิก หรือ TPP นั้น อยู่ระหว่างการให้กระทรวงพาณิชย์ศึกษาผลดีผลเสียจำเป็นต้องพิจารณาให้รอบคอบ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี