นายภัควัฒน์ สุขเกษม กรรมการบริหารสายงานบริหารโครงการ บริษัท แฮปปี้แลนด์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจในช่วง 3 ปี (2559-2561) ว่า บริษัทมีแผนที่จะลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ มูลค่า 10,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ภายใต้แบรนด์ “H-CAPE” โดยเน้นพื้นที่ในโซนตะวันออก บนที่ดินของบริษัทที่ได้ซื้อไว้ก่อนหน้านี้ ทั้งประเภทบ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียม และโฮมออฟฟิศ ในสัดส่วน 25%, 35%, 40% ตามลำดับ

สำหรับในปี 2559 จะมีการลงทุนรวม 7,500 ล้านบาท แบ่งเป็นครึ่งปีแรก 2,500 ล้านบาท และครึ่งปีหลัง 5,000 ล้านบาท ซึ่งมั่นใจว่าจะได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าในทุกกลุ่มสินค้า เพราะนอกจากโครงการต่างๆ จะอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแล้ว บริษัทยังมีธุรกิจก่อสร้างที่อยู่ในเครือเดียวกัน ทำให้การบริหารจัดการต้นทุน เวลา และคุณภาพในการก่อสร้างได้ดี จึงมั่นใจว่าโครงการภายใต้แบรนด์ H-CAPE จะเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ ในระดับราคาที่ลูกค้าพอใจ

นอกจากนี้บริษัทยังเน้นนโยบายการบริการหลังการขาย โดยทีมงานคุณภาพที่ดูแลกลุ่มลูกค้าตั้งแต่โครงการแรกจนถึงโครงการปัจจุบัน ทำให้บริษัทไม่เคยพบกับเรื่องการร้องเรียนจากลูกบ้าน และจากจุดแข็งดังกล่าวบริษัทจึงตั้งเป้าที่จะเป็นผู้นำอันดับต้นๆ ของอสังหาริมทรัพย์ของไทยภายใน 5 ปี

อย่างไรก็ตามในปี 2559 บริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 2,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30-35% จากปี 2558 ขณะที่ผลกำไรจะเพิ่มขึ้น 40% จากปี 2558 โดยในปี 2559 มีแผนเปิดตัวบ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียม และโฮมออฟฟิศ ภายใต้แบรนด์ H-CAPE มูลค่าโครงการรวม 7,500 ล้านบาท สูงกว่าปี 2558 ถึง 333% ขณะนี้ลูกค้าให้การตอบรับเป็นอย่างดี ทำให้ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา H-CAPE มียอดรอรับรู้รายได้ (backlog) แล้ว 10%

โดยบริษัทเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ภายใต้แบรนด์ H-CAPE ในไตรมาสแรกปี 2559 จำนวน 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 2,700 ล้านบาท คือ โครงการ “H-CAPE SERENE” เป็นบ้านพร้อมอยู่ บนพื้นที่ 56 ไร่ จำนวน 250 หน่วย (ยูนิต) ราคาเริ่มต้น 5-10 ล้านบาท และโครงการ “H-CAPE MINERA1”เป็นบ้านเดี่ยว บนพื้นที่ 5 ไร่ จำนวน 22 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 25 ล้านบาท

ส่วนตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2559 บริษัทมองว่าขณะนี้ยังคงทรงตัว แต่ด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเฉพาะ การลงทุนโครงการเมกะโปรเจกต์ต่างๆ จะเป็นอีกหนึ่งความหวังที่ทำให้เศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัว จึงเชื่อว่าภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในปี 2559 ยังมีโอกาสเดินหน้าต่อไปได้