นายศิริรุจ จุลกะรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยถึงแนวทางการดำเนินงานในครึ่งปีหลังของปี’59 ว่า ขณะนี้มีค่ายรถยนต์ประมาณ 4-5 ราย สนใจที่จะเข้ามาลงทุนผลิต เบื้องต้นขอเป็นรถปลั๊กอินไฮบริด หรือรถที่ใช้น้ำมันและไฟฟ้าสามารถชาร์จไฟฟ้าที่บ้านก่อน ซึ่งจะใช้เงินลงทุนรายละ 20,000 ล้านบาท หรือมีเม็ดเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท คาดว่า จะยื่นขอผลิตรถยนต์ไฟฟ้า อย่างเร็วสุดปลายปีนี้ เพื่อได้รับสิทธิประโยชน์การเร่งรัดส่งเสริมการลงทุน หรืออาจปีหน้า คาดว่า จะผลิตรถในเชิงพาณิชย์ได้ประมาณปี’62
สำหรับอุปสรรคที่สำคัญของรถยนต์ไฟฟ้า และปลั๊กอินไฮบริด จะมีราคาแพง ทำให้ตลาดมีความต้องการน้อย ดังนั้นผู้ผลิตรถยนต์ต้องการให้รัฐบาลออกมาตรการสนับสนุนให้ราคารถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดมีราคาไม่ห่างจากรถยนต์ทั่วไปนัก หรือแพงกว่ารถยนต์ธรรมดาไม่เกิน 50% ซึ่งเป็นอัตราที่รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดสามารถแข่งขันได้ โดยมาตรการส่งเสริมจะเน้นรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดขนาดกลางขึ้นไปที่มีตั้งแต่ 1,800 ซีซีขึ้นไป เพราะถ้าระดับต่ำกว่านี้จะไปชนกับรถยนต์อีโคคาร์ ที่มีมาตรการส่งเสริมจากภาครัฐไปก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งสศอ.จะรวบรวมข้อเสนอของภาคเอกชนทั้งหมด และผลวิเคราะห์แนวทางการส่งเสนอของสศอ. เสนอให้นางอรรชกา สีบุญเรือง รมว.อุตฯ เพื่อนำเสนอพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พิจารณาภายใน 2 เดือน
“ช่วง 6 เดือนหลังของปีงบประมาณ ’59 สศอ. จะเร่งผลักดันนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในรูปแบบคลัสเตอร์อย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนของคลัสเตอร์ยานยนต์ในอนาคต สศอ. ได้ประชุมหารือร่วมกับผู้ผลิตรถยนต์ 11 ราย เกี่ยวกับแผนการลงทุน เทคโนโลยีรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าของแต่ละบริษัท และข้อเสนอเพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ในอนาคต โดยผู้ผลิตรถยนต์ทุกรายเห็นว่าเทคโนโลยียานยนต์โลก มุ่งสู่รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า และจะเริ่มที่รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดก่อน เพื่อแก้ไขปัญหาความผันผวนของราคาพลังงาน ปัญหาโลกร้อน และปัญหามลพิษ รวมทั้งผู้ผลิตรถยนต์ทุกรายมีเทคโนโลยียานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าอยู่แล้ว” นายศิริรุจ กล่าว
ขณะที่ นโยบายพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ หลังจากได้กำหนดพื้นที่คลัสเตอร์ และซูเปอร์คลัสเตอร์แล้ว สศอ.จะจัดทำโครงการแผนปฏิบัติการพัฒนาอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดน ที่มีศักยภาพสูงตามนโยบายของรัฐบาลจังหวัดเชียงราย และนครพนมขึ้น โดยพื้นที่ทั้ง 2 จังหวัด เป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงและอยู่ในแผนการพัฒนาจัดตั้งเป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษของรัฐบาล คาดว่า จะแล้วเสร็จประมาณปลายปี’59
นอกจากนี้ได้ผลักดันแผนแม่บทการเพิ่มประสิทธิภาพและผลิตภาพการผลิตของภาคอุตสาหกรรม ปี’59-64 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับภาคอุตสาหกรรมให้สามารถแข่งขันได้บนเวทีการค้าโลก ด้วย 3 ยุทธศาสตร์ คือ ยกระดับผลิตภาพภาคอุตสาหกรรมด้วยการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมและระบบบริหารจัดการ, ยกระดับผลิตภาพแรงงานให้มีทักษะสามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของภาคอุตสาหกรรม และพัฒนาปัจจัยแวดล้อมเพื่อสนับสนุนและผลักดันให้เกิด
การเพิ่มผลิตภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี