รมว.คลัง แย้มในเร็วๆ นี้ จะเสนอครม.คลอดมาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอีผ่านโครงการพี่ช่วยน้อง โดยผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ช่วยรายย่อยได้รับสิทธิลดหย่อนภาษี
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลังเปิดเผยว่า ในอีก 2-3 สัปดาห์นี้ กระทรวงการคลังเตรียมนำเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณามาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลาง และขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) เพิ่มเติมผ่านโครงการ“พี่ช่วยน้อง” ซึ่งเป็นโครงการที่จะให้บริษัทที่มีขนาดใหญ่ช่วยเหลือด้านการเงินให้กับบริษัทรายเล็ก โดยจะช่วยเหลือให้เงินซื้อเครื่องจักร หรือระบบคอมพิวเตอร์ หรือจ่ายค่าธรรมเนียมค้ำประกันเงินกู้
ทั้งนี้ผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ร่วมโครงการสามารถนำค่าใช้จ่ายมาหักลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า เช่น ถ้าออกค่าใช้จ่ายให้บริษัทเล็ก 1 หมื่นบาท ก็จะหักภาษีได้ 2 เท่า หรือ 2 หมื่นบาท ซึ่งกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการดูรายละเอียดว่าจะให้หักลดหย่อยรายการอะไรได้บ้าง
ขณะเดียวกัน กระทรวงการคลังยังพิจารณาผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ให้เงินเพื่อการพัฒนาชุมชน เพื่อสังคมให้มาหักลดหน่อยภาษีได้ 2 เท่า เช่นกัน ซึ่งจะเป็นการลดภาระของรัฐบาลในการพัฒนาเอสเอ็มอีและเศรษฐกิจประเทศเข้มแข็งมากขึ้น
นอกจากนี้จะเสนอครม.พิจารณาเห็นชอบกองทุนฟื้นฟูเอสเอ็มอี เพื่อช่วยผู้ประกอบการที่มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจต่อไป แต่ไม่มีเงินทุนและสถาบันการเงินไม่ปล่อยกู้ โดยกองทุนจะใส่เงินเข้าไปช่วยและเมื่อกิจการดีขึ้นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีก็สามารถซื้อหุ้นจากกองทุนกลับไปในราคาถูกได้
“รัฐบาลเห็นว่าถ้าผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้มแข็ง ก็จะเป็นอาวุธสำคัญของประเทศในการสร้างเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้ต่อเนื่อง และการที่เอสเอ็มอีเข้มแข็งยังช่วยแก้ปัญหาสังคม โดยทำให้เกิดการจ้างงานมากขึ้น” นายอภิศักดิ์ กล่าว
รมว.คลังกล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลได้ใส่เงินช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีถึง 3.5 แสนล้านบาท เช่น การให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หรือซอฟท์โลนอัตราดอกเบี้ย 4% จำนวน 1.5 แสนล้านบาท และได้ออกเพิ่มอีก 3 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ ยังเข้าไปช่วยค้ำประกันเงินกู้อีกประมาณ 1 แสนล้านบาท ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถดำเนินการเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไปได้
ก่อนหน้านี้ นางสาลินี วังตาลประธานกรรมการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย(เอสเอ็มอีแบงก์) กล่าวว่า กองทุนฟื้นฟูเอสเอ็มอี ให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ประสบปัญหาที่เข้าข่ายต้องอาศัยกฎหมายฟื้นฟูกิจการ หากแก้ไขได้จะทำให้เงินเข้ามาหมุนเวียนในระบบเพิ่มขึ้น ยื่นลงทะเบียนกับสสว. เพื่อยื่นแผนฟื้นฟูขอกู้เงินจากกองทุนพลิกฟื้นของ สสว. วงเงิน 1,000 ล้านบาท ปล่อยกู้โดยไม่คิดดอกเบี้ย วงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อราย ระยะเวลา 7 ปี โดยตั้งเป้าหมายช่วยเหลือ1 หมื่นราย
ส่วนการเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนโดยใช้เลขบัตรประจำตัวประชาชน และหรือเบอร์โทรศัพท์มือถือผูกกับบัญชีเงินฝากธนาคาร เพื่อใช้บริการ “พร้อม-เพย์”นั้น รมว.คลัง เชื่อว่าประชาชนมีความพร้อมและมีความเข้าใจในการใช้ “พร้อมเพย์” เพื่อรองรับโครงการระบบการชำระเงินแ ห่งชาติ หรือ National E-Payment อย่างแน่นอน และที่สำคัญระบบ “พร้อมเพย์”นี้เป็นสิ่งที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่จะสามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้อย่างคล่องตัวมากขึ้นและลดต้นทุนในการทำธุรกรรมได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
ทั้งนี้ประชาชนสามารถลงทะเบียนล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันที่ 1-14 กรกฎาคม 2559 ก่อนที่จะลงทะเบียนอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 กรกฎาคม 2559 โดยสามารถลงทะเบียนผ่าน 4 ช่องทางคือสาขาธนาคารพาณิชย์, ตู้เอทีเอ็ม, อินเตอร์เนตแบงกิ้ง, และโมบายแบงกิ้ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี