เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2561 ดัชนีตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบทั้งวัน จนกระทั่งปิดตลาดที่ระดับ 1,810.32 จุด ลดลง 17.03 จุดหรือลดลง 0.93% โดยมีมูลค่าการซื้อขาย(วอลุ่ม) หนาแน่นถึง 76,657.42 ล้านบาท
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า การที่ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลงแรง 30 จุด ในเช้า (วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2561) เป็นไปตามตลาดหุ้นในภูมิภาคซึ่งปรับตัวลดลงทั่วหน้าประมาณ 2% ตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก หลังจากดัชนีหุ้นดาวโจนส์ของสหรัฐลดลงหนักกว่า 2.54% หลังจากนักลงทุนกังวลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด ทั้งนี้คาดว่าการที่ตลาดหุ้นลดลงครั้งนี้จะเป็นการปรับฐานลงระยะสั้น ไม่มีปัจจัยที่ผิดปกติประกอบกับในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้น 4.17% ดังนั้นจึงต้องมีการปรับฐานลงมาบ้าง ขอให้นักลงทุน ระมัดระวังการลงทุน และรอดูสถานการณ์
“ที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยขึ้นมาค่อนข้างมาก ดัชนีก็จะมีความเหวี่ยงมากเช่นกัน นักลงทุนต้องระมัดระวัง ในช่วงนี้นักลงทุนจะติดตามการประกาศผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน(บจ.) ในไตรมาส 4/2560 และตัวเลขอัตราการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ” นางเกศรา กล่าว
ส่วนความกังวลที่เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดนั้นเชื่อว่ายังไม่ผลกระทบต่ออัตราดอกเบี้ยในไทย เนื่องจาก เศรษฐกิจไทยกำลังค่อยๆ ฟื้นตัว ซึ่งคาดการณ์ว่าดอกเบี้ยนโยบายของไทยยังอยู่ในระดับ 1.50% ต่อไป
นายอภิชัย เรามานะชัย รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์(บล.) แอพเพิล เวลธ์ กล่าวว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยในเดือนมกราคมที่ผ่านปรับตัวขึ้น 4.17% พร้อมปริมาณการซื้อขายที่หนาแน่นราว 6-7 หมื่น ล้านบาท/วัน ซึ่งเป็นการยืนยันสัญญาณ Bullish ในระยะปานกลาง อย่างไรก็ตามสัญญาณ RSI Indicator เริ่มส่งสัญญาณ Negative Divergence กับดัชนีฯ ประกอบกับ MACD เริ่มตัดเส้น Signal Line ลงมา ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณอ่อนแรงทางโมเมนตัมของราคา ดังนั้นแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยในกุมภาพันธ์นี้น่าจะเกิดสัญญาณการพักฐานโดยแนวรับบริเวณ 1,780-1,800 จุด และแนวต้าน 1,850-1,860 จุด
ด้านนายชนะชัย จุลจิราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เออีซี หรือ AECS มองทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทยในปีนี้ยังมีแนวโน้มปรับตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยฝ่ายวิจัยของ AECS ได้ให้กรอบการแกว่งตัวของดัชนีที่ 1,953 จุด เนื่องจากมองว่าตัวเลข GDP Growth ในปี 2561 มีการเติบโตต่อเนื่อง ตามการคาดการณ์ของสภาพัฒน์และธนาคารแห่งประเทศไทยประเมินการเติบโตของ GDP จะขยายตัวอีก 4% YoY ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐส่งผลให้ตัวเลขเศรษฐกิจโดยรวมในประเทศมีการปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น
ปัจจัยที่ยังคงต้องจับตาในปีนี้ ยังคงเป็นเรื่องการเลือกตั้ง ที่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าจะสามารถดำเนินการได้เร็วมากน้อยแค่ไหน รวมถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่มีแนวโน้มปรับขึ้นในปีนี้ อย่างน้อย 3 ครั้ง หรือสู่ระดับ 2.25% สูงกว่าดอกเบี้ยนโยบายของไทยที่ยังไม่ขยับจากระดับ 1.50% มาเป็นเวลานาน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี