นายเบญจรงค์ สุวรรณคีรี หัวหน้านักวิเคราะห์ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการขนาดย่อม-ทีเอ็มบี” (TMB-SME Sentiment Index) ไตรมาส 4/2560 พบว่าดัชนีความเชื่อมั่นปัจจุบันของผู้ประกอบการอยู่ที่ระดับ 35.5 ลดลงจากระดับ 37.3 ในไตรมาสก่อนโดยความเชื่อมั่นด้านรายได้ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 41.9 เพิ่มขึ้นจาก 38.9 ในไตรมาสก่อน แต่ความเชื่อมั่นด้านต้นทุนปัจจุบันลดลงอยู่ที่ระดับ 29.1 จาก 35.7 ในไตรมาสก่อน มีผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ในปัจจุบันปรับตัวลดลง ด้านดัชนีความเชื่อมั่นฯ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 51.9 ลดลงเล็กน้อยจากระดับ 52.4 จากไตรมาสก่อน โดยความเชื่อมั่นด้านรายได้ 3 เดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 65.9 จากระดับ 62.9 ในไตรมาสก่อน แต่ดัชนีความเชื่อมั่นด้านต้นทุน 3 เดือนข้างหน้าลดลงมาอยู่ที่ ระดับ 37.8 จากระดับ 41.9 ในไตรมาสก่อน
เมื่อพิจารณาเฉพาะความเชื่อมั่นด้านรายได้พบว่า ความเชื่อมั่นด้านรายได้ปัจจุบันเพิ่มสูงขึ้นในเกือบทุกพื้นที่ เพราะเป็นฤดูเก็บเกี่ยว เป็นช่วงการเดินทางท่องเที่ยวที่มีการเดินทางและจับจ่ายใช้สอยสูง ประกอบกับมาตรการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของรัฐ ออกมากระตุ้นสร้างบรรยากาศเทศกาลปลายปีให้คึกคักมากขึ้น ขณะที่ความเชื่อมั่นด้านรายได้ 3 เดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งเกือบทุกภูมิภาคตามทิศทางการฟื้นตัว ของเศรษฐกิจและกำลังซื้อในประเทศ
“จากการวิเคราะห์กำลังซื้อของเศรษฐกิจแต่ละจังหวัด พิจารณาจาก 3 ปัจจัยหลักได้แก่ อัตราค่าแรงขั้นต่ำ รายได้ภาคท่องเที่ยว และรายได้เกษตรกร จากคาดการณ์ราคาผลผลิตการเกษตรคือ ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง อ้อย และปาล์มน้ำมัน พบว่าจังหวัดที่ได้อานิสงส์กำลังซื้อเพิ่มขึ้น ในปี 2561 ได้แก่ ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา กาญจนบุรี ยะลา พัทลุง ส่งผลให้ SME ในพื้นที่กว่า 1.8 แสนกิจการมีโอกาสเติบโตจากเศรษฐกิจในพื้นที่”
ขณะที่ความเชื่อมั่นด้านต้นทุนลดลงต่อเนื่องทั้งปัจจุบัน และ 3 เดือนข้างหน้า โดยลดลงทุกพื้นที่สะท้อนให้เห็นว่า SME พบกับความท้าทายในการบริหารจัดการต้นทุนโดยเฉพาะราคาน้ำมัน พลังงานและค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นซึ่งเป็นต้นทุนหลักทำให้ผู้ประกอบการกังวลด้านต้นทุนมากขึ้น
“SME ทราบข่าวการปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำมาระยะหนึ่งแล้ว จึงปรับตัวมาเรื่อยๆ อีกทั้งยังมีบางส่วนที่จ่ายสูงกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำอยู่แล้ว ทำให้กระทบกำไร SME ในวงจำกัด โดย SME ภาคบริการนับเป็นกลุ่มที่มีสัดส่วนต้นทุนแรงงานต่อต้นทุนรวมสูงที่สุดอาจทำให้กำไรลดลงประมาณ 1%” นายเบญจรงค์กล่าว
ถึงแม้รัฐจะเพิ่มมาตรการช่วยเหลือเพื่อลดผลกระทบ SME เองต้องปรับตัวด้วยการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการทำธุรกิจเพื่อลดต้นทุน เช่น ตลาดออนไลน์เพื่อเข้าถึงลูกค้าด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่าการขยายสาขา ใช้ระบบไอทีบริหารจัดการสินค้าคงคลัง เชื่อมต่อธุรกรรมกับคู่ค้าผ่านระบบออนไลน์เพื่อความรวดเร็วในการบริหาร นอกจากจะลดต้นทุนยังทำให้ธุรกิจคล่องตัวมากขึ้น
“ความก้าวหน้าในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล เปิดโอกาสในการทำธุรกิจให้ SME อีกทั้งความเชื่อมั่นทางรายได้ที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง ภาครัฐควรใช้จุดแข็งในฐานะคนกลางที่มีข้อมูลทางธุรกิจจำนวนมากช่วยเชื่อมโยงจับคู่ธุรกิจเพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ SME ในประเทศ และสนับสนุนให้เชื่อมกับห่วงโซ่อุปทาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน” นายเบญจรงค์กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี