16 ก.พ.61 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมกล่าวภายหลังการเข้ามอบนโยบายให้กับการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ว่าการเดินทางมามอบนโยบายครั้งนี้เป็นการติดตามงานที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีได้สั่งการไว้ ซึ่งทางการรถไฟฯได้มีการเสนอแผนการพัฒนาเส้นทางรถไฟทางคู่ไปยังเมืองรองหรือโครงการรถไฟทางคู่ระยะที่ 3 จำนวน 14 เส้นทาง วงเงินลงทุนประมาณ 500,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเส้นทางเชื่อมตะวันตกและตะวันออก 7 เส้นทาง ,สายอีสาน 2 เส้นทาง ,สายเหนือ 1 เส้นทาง และเส้นทางสายใต้ 4 เส้นทาง ซึ่งทุกเส้นทางได้กำหนดไว้ว่าจะต้องศึกษาแล้วเสร็จภายในปี 2561-2562 ที่จะทำให้เส้นทางรถไฟครอบคลุม 61 จังหวัดจากแนวเส้นทางปัจจุบัน 47 จังหวัด สำหรับในส่วนของโครงการรถไฟทางคู่ระยะที่ 1 จำนวน 7 เส้นทางและโครงการรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 จำนวน 9 เส้นทางหากดำเนินการแล้วเสร็จจะสามารถทำให้การรถไฟฯขนส่งสินค้าได้ 30 ล้านตันต่อปีในปี 2570 จากในปัจจุบันขนส่งสินค้าได้เพียง 10 ล้านตันต่อปี จากยอดรวมการขนส่งสิยค้าทุกระบบขนส่งจำนวน 500 ล้านตันต่อปี และจะทำให้รองประมาณผู้โดยสารได้ 80 ล้านคนต่อปีในปี 2575 จากในปัจจุบันรองรับได้ 35 ล้านคนต่อปี และขณะนี้ทางกระทรวงคมนาคมตั้งเป้าจะเสนอทั้ง 9 เส้นทางให้ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ให้ได้ภายในเดือน พ.ค.นี้เพื่อเริ่มทยอยประกวดราคาในช่วงไตรมาสที่ 3 และ 4 ของปีนี้ ส่วนเส้นทางที่มีความพร้อมเตรียมเสนอ ครม.ภายในเดือนหน้า คือ ช่วงบ้านไผ่-นครพนม ระยะทาง 355 วงเงิน 60,351.91 ล้านบาท และช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ระยะทาง 326 วงเงิน 76,978.82 ล้านบาท
ทั้งนี้ ยังได้มีการมอบนโยบายในเรื่องบทบาทของการรถไฟในการให้บริการการเดินรถโดยเฉพาะการให้บริการรถไฟด่วนพิเศษ รถไฟชานเมือง รถไฟท้องถิ่น ที่จะมีระดับการให้บริการที่ทันสมัยมากขึ้นโดยเบื้องต้นแบ่งเป็น4รูปแบบคือ 1.รูปแบบ พรี่เที่ยม เทรน (Premium train) หรือรูปแบบรถไฟความเร็วสูง เช่นรถไฟกรุงเทพ-หนองคาย กรุงเทพ-เชียงใหม่ ที่ใช้ระยะเวลาในการเดินทาง 3ชม.-3ชม.ครึ่ง เหมาะกับผู้โดยสารที่ต้องการความเร็วในการเดินทาง 2.รูปแบบ โอเวอร์ ไนท์ เทรน (Over night train) หรือรถไฟความเร็วปกติ สำหรับผู้โดยสารที่ต้อเดินทางไปต่างจังหวัดข้ามคืน ใช้เวลาการเดินทาง 12ชม.จาก14ชม. ซึ่งการรถไฟฯต้องปรับความเร็วจาก55กม.เป็น 80-90กม. เช่นเดินทางมืดถึงเช้า 3.รถไฟระหว่างเมือง รถไฟภูมิภาค ใช้ความเร็วไม่มากนัก เหมาะสำหรับผู้โดยสารที่เดินทางเข้าออกเมือง 4.รูปแบบรถชานเมือง ซึ่งการให้บริการจะมีการแบ่งระดับชั้นเช่นเดียวกับเครื่องบิน
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางการรถไฟฯกำลังจะดำเนินการยกระดับทางรถไฟที่มีอยู่แล้วให้เป็นทางรถไฟฟ้าคือมีการเดินรถด้วยหัวรถจักรไฟฟ้าไม่ใช้น้ำมันแทนหัวรถจักรดีเซล ซึ่งขณะนี้การรถไฟฯได้ทำการคัดเลือกสายทางที่จะดำเนินการศึกษาและมีความเป็นไปได้ จำนวน4 เส้นทางได้แก่ กรุงเทพฯ-นครราชสีมา ,กรุงเทพฯ-หัวหิน ,กรุงเทพฯ-นครสวรรค์ และกรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา โดยอยู่ระหว่างการศึกษาออกแบบ และคัดเลือกเส้นทางที่จะนำมาศึกษาเป็นเส้นทางแรกจากใน 4 เส้นทางดังกล่าว รวมถึงการคำนวนค่าก่อสร้างเสาไฟฟ้าที่ใช้เดินรถหัวรถจักรไฟฟ้าด้วยโดยจะใช้การเดินรถบนรางรถไฟเดิม นอกจากนี้ในส่วนของการพัฒนาบุคลากรนั้นขณะนี้ทางการรถไฟฯ มีความขาดแคลนบุคลากรจากการเกษียณอายุและจากมติ ครม.ที่ได้กำหนดให้สามารถรับบุคลากรเพิ่มได้ 5% ของจำนวนพนักงานที่เกษียณอายุ โดยหากการดำเนินโครงการต่างๆแล้วเสร็จจะส่งผลให้บุคลากรที่ปฎบัติงานฝ่ายต่างๆมีความขาดแคลนเช่น พนักงานขับรถ พนักงานช่างซ่อมบำรุงฯ เป็นต้น ซึ่งขณะนี้ทางการรถไฟฯได้มีการเสนอเรื่องให้ทางกระทรวงคมนาคมพิจารณาเพื่อขอยกเว้นมติ ครม.เดิมเพื่อขยายกรอบการรับอัตรากำลังเพิ่มให้กับการรถไฟฯ ส่วนอัตรากำลังที่ทางการรถไฟฯต้องการเพิ่มอยู่ที่ประมาณ 19,000 คน และมองว่าปัญหาในอนาคตคือการขาดแคลนพนักงานขับรถที่เกษียณอายุไปและไม่สามารถรับเพิ่มได้และหลังจากนี้ทางกระทรวงคมนาคมจะเร่งพิจารณาเรื่องดังกล่าวเพื่อเสนอ ครม.ต่อไป สำหรับปัจจุบันการรถไฟฯมีจำนวนพนักงานจำนวน 10,292 คนและลูกจ้างจำนวน 4,056 คน รวมถึงให้มีการยกระดับโรงเรียนวิศวกรรมรถไฟ เพื่อพัฒนาบุคลากรให้รถไฟด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี