2 พ.ค.61 นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ในฐานะโฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ในวันนี้ ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบแนวทางการปรับราคาขายปลีกก๊าซธรรมชาติเพื่อรถยนต์ (เอ็นจีวี) สำหรับกลุ่มรถโดยสารสาธารณะเพิ่มขึ้นอีก 0.62 บาทต่อกิโลกรัม เพื่อให้สะท้อนการปรับปรุงคุณภาพก๊าซเอ็นจีวีตามแผนการบริหารจัดการคุณภาพเอ็นจีวี ที่ส่งผลให้มีค่าเพิ่มความร้อนที่เพิ่มขึ้นผู้ประกอบการสามารถทำระยะทางได้มากกว่าเดิม โดยจะเริ่มปรับราคาในวันที่ 16 พ.ค.61 นี้ และตรึงราคาไปอีก 1 ปี จนถึงวันที่ 1 ก.ค.62
"การปรับราคาขึ้นของเอ็นจีวีสำหรับรถโดยสารสาธารณะอีก 62 สตางค์ จากปัจจุบันที่มีการตรึงราคาอยู่ที่ 10 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) เป็น 10.62 บาทต่อ กก.เพื่อสะท้อนการปรับปรุงคุณภาพก๊าซ ขณะที่อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลงยังอยู่ที่ 1 บาทต่อ กก.เท่าเดิม แต่ค่าความร้อนนั้นสูงขึ้น ทำให้รถวิ่งได้ไกลขึ้น ขณะที่รถยนต์ทั่วไปไม่มีมติปรับ ยังราคาเท่าเดิมอยู่ ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 13.57 บาทต่อ กก." นายทวารัฐ กล่าว
นอกจากนี้ ที่ประชุม กบง.ยังเร่งให้ส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลที่มีส่วนผสมของไบโอดีเซล 20% หรือ B20 ในรถบรรทุก และรถขนาดใหญ่ เพื่อดูดซับการใช้น้ำมันปาล์มดิบ (ซีพีโอ) ในตลาด โดยตั้งเป้าจะเพิ่มการใช้อีก 1 ล้านลิตรต่อวัน จากปัจจุบันที่ใช้อยู่ 6.5 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งจะเป็นการช่วยดูดซับซีพีโอได้ 250,000 ตันต่อปี โดยเบื้องต้นได้ส่งการให้กรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) ออกเชิญชวนผู้ประกอบการเพื่อให้เข้ามาศึกษาการปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ให้สามารถรองรับการใช้ B20 ได้ ทั้งนี้ คาดว่าในเดือน ก.ค.61 นี้ จะสามารถนำออกขายสู่ตลาดได้
ขณะเดียวกันได้หารือกับกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการกำหนดอัตราภาษีสรรพสามิตของน้ำมัน B20 โดยคาดว่าจะได้รับการสนับสนุนลดภาษีดังกล่าวอีก 82 สตางค์ รวมถึงจะสร้างแรงจูงใจทางด้านราคาให้ผู้ประกอบการเข้ามาใช้ โดยใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 3,000 ล้านบาท โดยในช่วงเริ่มต้น เพื่อกำหนดให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล B20 ถูกกว่าน้ำมันดีเซล B7 ประมาณ 3 บาทต่อลิตร ซึ่งคาดว่าจะมีการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B20 ที่ 1.5 ล้านลิตรต่อวัน
อย่างไรก็ตาม กำลังการผลิตไบโอดีเซลในปัจจุบันอยู่ที่ 4 ล้านลิตรต่อวัน หากมีการผสม B20 เพิ่มขึ้นอีก 25% จะต้องผลิตไบโอดีเซลเพิ่มเป็น 5 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งกระทรวงมั่นใจว่ากำลังการผลิตจะมีเพียงพอเนื่องจากปัจจุบันความสามารถในการผลิตไบโอดีเซลสูงสุด จะผลิตได้ถึง 6 ล้านลิตรต่อวัน
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ในกรณีที่เคยมีข่าวว่ากระทรวงฯ มีนโยบายให้ผู้ค้าปลีกน้ำมันทั้งบริษัทไทยและต่างประเทศงดประกาศการขึ้นและลงของราคาขายปลีกก่อนปรับจริงนั้น ไม่ใช่มาตรการบังคับ ซึ่งจากการหารือที่ประชุม กบง.เห็นชอบว่ายังสามารถที่จะประกาศได้เช่นเดิม แต่ต้องให้เห็นว่าไม่เป็นการชี้นำตลาด ซึ่งบริษัทต่างๆ จะต้องออกประกาศโดยไม่อ้างอิงจากราคาของรัฐ เพื่อให้เกิดการแข่งขันอย่างแท้จริง โดยล่าสุดทาง สนพ.จะไม่มีการประกาศโครงสร้างราคาน้ำมันในแต่ละวันแล้ว โดยเอกชนจะต้องเป็นคนกำหนดราคาเพื่อแข่งขันในตลาดกันเอง
ขณะเดียวกันเห็นว่าจากการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันโดยได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์การคำนวณ ราคา ณ โรงกลั่น สำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงครั้งก่อน ที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันลดลงนั้น ทั้งนี้ หากในระยะต่อไปเกิดการแข่งขันปรับลดราคาค้าปลีกในตลาดขึ้นจริง จะส่งผลให้ราคาน้ำมันลดได้เพิ่มอีกประมาณ 20 - 25 สตางค์ต่อลิตร ซึ่งจะเป็นผลดีต่อผู้บริโภค ทั้งนี้ การปรับลดราคาเอกชนผู้ประกาศจะต้องรับผิดชอบในส่วนนั้นเองทั้งหมด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี