มีรายงานข่าวจากอุตสาหกรรมยานยนต์ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่จากจีน ร่วมกับผู้ประกอบการไทย เตรียมนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากจีนลอตแรกประมาณ 5,000 คัน เพื่อนำมาทำรถแท็กซี่ไฟฟ้าในไทย จะเริ่มเปิดตัวรถต้นแบบในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2018 ปลายปีนี้ 1 คัน และนำไปวิ่งทดสอบรับส่งผู้โดยสารฟรีในพื้นที่ย่านสยามสแควร์อีก 1 คัน เพื่อให้คนไทยได้ทดลองนั่งรถแท็กซี่ไฟฟ้า และเปิดโอกาสให้คนขับแท็กซี่เข้ามาทดลองใช้ คาดว่า เปิดให้ใช้บริการได้จริงประมาณปีหน้า โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการกำหนดราคารถแท็กซี่ต้องไม่เกินราคารถยนต์โตโยต้า อัลติส หรือไม่เกินคันละ 950,000 บาท คาดว่า ใช้งบประมาณลงทุนในการนำเข้ารถ และการสร้างระบบบต่างๆ ประมาณ 5,000 ล้านบาท
“ถ้าอยากให้รถไฟฟ้าเกิดเร็วอย่างแพร่หลายในประเทศ มองว่า ต้องเริ่มจากรถแท็กซี่ก่อน เพราะรถแท็กซี่ใช้จำนวนเยอะ และคนใช้บริการเยอะ เหมือนแต่ก่อนที่โตโยต้าเข้ามาทำตลาด ซึ่งปีนี้จะมีรถแท็กซี่ที่หมดอายุการใช้งาน 9 ปี ประมาณ 30,000 คัน จากปัจจุบันอยู่ในระบบประมาณ 90,000 คัน จึงเป็นโอกาสดี ที่ผู้ประกอบการรถแท็กซี่จะหารถใหม่ ประเด็นสำคัญ ต้องผลักดันให้ราคารถแท็กซี่ไฟฟ้าไม่ต่างจากราคารถยนต์โตโยต้าอัลทิส จากปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้าที่นำเข้าจากจีนราคาประมาณ 1.5 ล้านบาท หากเริ่มมาผลิตในไทย กำลังผลิตให้ได้ 50,000 คัน ราคาจะเหลือ 850,000-950,000 บาท โดยการนำเข้ามา 5,000 คันแรก ช่วงแรกบริษัทจะอุดหนุนราคารถแท็กซี่ไฟฟ้าไปก่อนส่วนหนึ่ง เพื่อนำรถแท็กซี่ไฟฟ้าเข้ามาบริการสร้างตลาดก่อน หากประสบความสำเร็จก็จะตั้งโรงงานประกอบในไทย จะทำให้ราคาค่อยๆ ลดต่ำลง”
สำหรับข้อดีรถแท็กซี่ไฟฟ้า เมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงระเภทอื่นนั้น คือ ประหยัดเวลาการเติมเชื้อเพลิง เนื่องจากการชาร์จไฟฟ้า 1 ครั้ง ใช้เวลาไม่เกิน 15 นาที สามารถวิ่งได้ 300 กิโลเมตร เพียงพอต่อการวิ่งรับส่งผู้โดยสาร 1 กะ หรืออาจวิ่งได้ 2 กะเลยก็ได้ เทียบกับปัจจุบันรถแท็กซี่ที่ใช้ก๊าซเอ็นจีวี กะกลางวันต้องเติมก๊าซถึง 3 ครั้ง กะกลางคืนเติมก๊าซ 2 ครั้ง ทำให้ต้องเสียโอกาสการรับผู้โดยสาร รวมทั้งยังช่วยให้รถแท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสารลดลง และการชาร์จไฟฟ้าแต่ละครั้งมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการเติมก๊าซเอ็นจีวีประมาณ 50%
“การนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้ามาทำแท็กซี่ไม่ใช่เรื่องยาก แต่สิ่งที่ยากในธุรกิจนี้ ก็คือการทำให้คนขับแท็กซี่อยากเปลี่ยนมาขับรถแท็กซี่ไฟฟ้า เพราะเป็นสิ่งใหม่ที่ไม่คุ้นชิน จึงต้องทำให้แท็กซี่รู้จัก และเห็นข้อดีของการใช้รถไฟฟ้า ส่วนเรื่องสถานีชาร์จ ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะตอนนี้เริ่มมีสถานีชาร์จเพิ่มต่อเนื่อง และชาร์จ 1 ครั้งก็สามารถวิ่งได้ถึง 300 กม. และมองว่า ผู้เล่นใหญ่อย่างบมจ.ปตท. หันมาลงทุนปั๊มชาร์จรถไฟฟ้ามากขึ้น”
นอกจากนี้จะเปิดตัวแอพพิเคชั่นควบคู่กันไป เพื่อให้ครบวงจร โดยจะทำระบบคาร์พูลด้วย เช่น แอพฯจะแสดงข้อมูลรายชื่อเบื้องต้นของผู้โดยสารในเส้นทางที่ผ่านที่มีจุดหมายเดียวกัน ซึ่งผู้โดยสารที่ขึ้นรถคนแรกสามารถตัดสินใจ จะรับผู้โดยสารอื่นร่วมเดินทางไปลงจุดหมายเดียวกันหรือไม่ หากรับผู้โดยสารอื่นรถระบบก็จะคำนวณแชร์ค่าโดยสาร ทำให้ประหยัดค่าแท็กซี่ได้มาก หรืออยากเลือกนั่งคนเดียวก็ได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี