นายศิวัสน์ เหลืองสมบูรณ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวถึงนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐว่ามีความเป็นไปได้ที่จะยังคงดำเนินต่อเนื่องไปอีก 2-4 ปีหลังการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐในช่วงปลายปีนี้ ขึ้นอยู่กับว่าคะแนนนิยมทางการเมืองจะสนับสนุนท่าทีแข็งกร้าวต่อไป หรือผ่อนปรนลง ซึ่งสงครามการค้าจะเป็นตัวบั่นทอนการค้าโลก และการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า การเก็บภาษีสินค้านำเข้าทั้งของจีนและสหรัฐจะมีผลลบต่อการส่งออกปีนี้ประมาณ 280-420 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าที่จะถูกกระทบ คือ แผงโซลาเซลล์ เครื่องซักผ้า เหล็ก อะลูมิเนียม เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ พลาสติกขั้นต้น แต่ที่น่ากังวล คือ ผลกระทบปี 2562 ที่สหรัฐขู่เก็บภาษีรถนำเข้าจากยุโรปจะกระทบการส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์ อุตสาหกรรมรถยนต์ และอาจเกิดการทุ่มตลาดจากสินค้าจีน โดยเฉพาะชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้า ทำให้มีผลกระทบต่อการส่งออกของไทยปีหน้าเพิ่มขึ้นเป็น 4,000-4,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะกระทบให้การส่งออกปีหน้าโต 5%
นางสาวณัฐพร ตรีรัตน์ศิริกุล ผู้บริหารงานวิจัย บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวว่า ผลบวกจากปริมาณการค้าโลกที่ขยายตัวสูงยังเป็นแรงหนุนสำคัญต่อการส่งออกไทยให้เติบโตในระดับสูง จึงปรับประมาณการส่งออกปีนี้ขยายตัว 8.8% จากเดิมคาดโต 4.5% หลังจากการส่งออก 5 เดือนแรกโตเฉลี่ย 11.6% เกือบครึ่งหนึ่งมาจากการส่งออกยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งยังมีแนวโน้มเติบโตดี และเป็นเหตุผลสำคัญ
ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยปรับประมาณการเศรษฐกิจทั้งปี 2561 มาอยู่ที่ 4.5% จากเดิม 4% บวกกับการใช้จ่ายในประเทศทั้งการลงทุนภาคเอกชนขยายตัว 3.5% และการบริโภคในประเทศขยายตัว 3.5% มีแรงส่งต่อเศรษฐกิจมากขึ้น นอกจากนี้ ปัจจัยหนุนเพิ่มเติมช่วงครึ่งปีหลังมาจากผลผลิตทางการเกษตรที่คาดว่าจะออกมามาก รวมถึงรายได้เกษตรกรที่กลับมาขยายตัวเป็นบวก โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิที่ราคาดีขึ้น
นางสาวกาญจา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทยกล่าวว่า ศูนย์วิจัยฯ อยู่ระหว่างการปรับประมาณการค่าเงินบาทสิ้นปีนี้ จากเดิมประเมินไว้ที่ 32.50-33.50 บาท/ดอลลาร์โดยมองว่ามีโอกาสอ่อนค่ากว่าที่ประเมินไว้ ซึ่งเงินบาทถือว่าอ่อนค่าน้อยกว่าสกุลอื่นๆ ในเอเชียประมาณ 1.3% จากสิ้นปีก่อนเนื่องจากนักลงทุนยังกังวลสงครามการค้าส่งผลให้เทขายสินทรัพย์ในตลาดเกิดใหม่ เพื่อลดความเสี่ยงส่วนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ในช่วงปลายปีนี้อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.50% เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ขึ้นดอกเบี้ยไปก่อนหน้านี้แล้ว
นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน ในฐานะโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจการคลังเดือนพฤษภาคม ปี 2561 เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคภาคเอกชนยังคงขยายตัวต่อเนื่อง สะท้อนจากยอดจำหน่ายรถยนต์นั่งขยายตัวสูงถึง 26.8% ต่อปี ขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 17 นับตั้งแต่ต้นปี 2560
ขณะที่รายได้เกษตรกรที่แท้จริงขยายตัว 9.0% ต่อปี สูงสุดในรอบ 13 เดือน นับจากเดือนเมษายน 2560 ที่ขยายตัว 33.7% เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวได้ดีอย่างชัดเจนสะท้อนจากเครื่องชี้การลงทุนในหมวดเครื่องจักรขยายตัวสูงถึง 28.6% ต่อปี การลงทุนหมวดก่อสร้าง จากยอดการจำหน่ายปูนซีเมนต์ภายในประเทศขยายตัว 8.1% ต่อปี สูงสุดในรอบ 59 เดือน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี