4 ก.ค.61 นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาส ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) เปิดเผยภายหลังพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือการดำเนินการระบบตั๋วร่วม เพื่อรองรับการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ว่า ทาง รฟม. พร้อมที่จะดำเนินการตามแนวทางความร่วมมือระหว่าง กรมบัญชีกลาง และธนาคารกรุงไทยเพื่อพัฒนาระบบตั๋วร่วมรองรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ประชาชนจะใช้เดินทางในระบบรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และรถไฟฟ้าสายสีม่วง โดยในปัจจุบันที่มีการเป็นการคิดค่าโดยสารทันทีที่แตะบัตรแต่ในส่วนของบัตร EMV จะรวบรวมทุกการเดินทางในทุกชนิดของประเภทการเดินทาง 1 วันและบันทึกเป็นรูปแบบระบบบัญชี
ทั้งนี้ เนื่องจากบัตร EMV ที่เป็นระบบบัตรเครดิต บัตรเดบิต ที่จะเรียกเก็บกับธนาคารที่ออกบัตรและธนาคารกรุงไทยก็จะทำการแจ้งไปยังธนาคารที่ออกบัตรเพื่อเรียกชำระเงินค่าโดยสารต่อไป ซึ่งจะเป็นการเรียกเก็บตามรอบบัตรเครดิตของแต่ละธนาคาร และระบบ Pre-Paid จึงสามารถรองรับทุกกลุ่มรายได้ที่จะใช้บริการ ในส่วนของบัตร MRT Plus จะมีการเปลี่ยนเป็นการใช้บัตรแมงมุมและบัตรที่จะมีการผลิตออกมาใหม่จะมีค่าธรรมเนียมออกบัตร 30 บาท โดย รฟม.จะมีการดำเนินการในส่วนของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและรถไฟฟ้าสายสีม่วงโดยจะมีการจัดจ้าง BEM ดำเนินการในการปรับอ่านบัตร EMV ให้สามารถอ่านได้ทั้งบัตรแมงมุมและบัตร EMV ซึ่งจะใช้งบลงทุนในการดำเนินการประมาณ 500 ล้านบาท ในส่วนของธนาคารกรุงไทยก็จะต้องไปดำเนินการจัดทำระบบการชำระดุล
สำหรับขณะนี้มีการแจกบัตรแมงมุมไปแล้วจำนวน 140,000 ใบ ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 50,000 จะมีการนำไปแจกในช่วงเดือน ต.ค.นี้ ที่จะมีการเปิดตัวการใช้บริการบัตรแมงมุมร่วมกับรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิ้งก์ และรถเมล์ ขสมก. ส่วนของกรณีของรถไฟฟ้า BTS ที่ขณะนี้ยังไม่เข้าร่วมโครงการตั๋วร่วมนั้นก็เข้าใจว่าทาง BTS มองว่าน่าจะรอปรับปรุงหัวอ่านครั้งเดียวตอนปรับเป็นหัวอ่านบัตร EMV ที่จะสามารถใช้ได้ในช่วงปลายปี 2562 เพราะทาง BTS ก็มีผู้ถือบัตร Rabbit อยู่แล้วถ้าเป็นช่วงระยะเวลาสั้นมีการเปลี่ยนระบบหลายครั้งเกรงว่าผู้ถือบัตรจะเกิดการสับสน
ด้าน น.ส.สุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่าปัจจุบันมีประชาชนที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สามารถใช้เดินทางในระบบรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินและสายสีม่วง จำนวน 1.3 ล้านใบ ในเขต 7 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สมุทรปราการ สมุทรสาคร และนครปฐม ซึ่งเป็นบัตรแบบ 2 ชิปการ์ด โดยจะมีสัญลักษณ์แมงมุมบริเวณมุมขวาล่างด้านหลังบัตร ทั้งนี้ ภายในบัตรดังกล่าวจะมีวงเงินที่สามารถใช้กับรถไฟฟ้า MRT และเป็นวงเงินเดียวกับใช้บริการรถเมล์ ขสมก. จำนวน 500 บาทต่อคนต่อเดือน
ทั้งนี้ภายหลังช่วงเดือน ต.ค.นี้ ทางกรมบัญชีกลางจะมีการพิจารณาประเมินนำวงเงินในการใช้โดยสารรถไฟจำนวน 500 บาทต่อคนต่อเดือน และรถ บขส.จำนวน 500 บาทต่อคนต่อเดือน เพิ่มวงเงินในส่วนของการใช้กับรถไฟฟ้า MRT เพื่อรองรับและอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชน ขณะเดียวกันยังมีแผนที่จะให้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สามารถใช้ร่วมกับเรือโดยสารได้ด้วยในอนาคต อย่างไรก็ตามจะต้องมีการหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง ก่อนนำเสนอไปให้คณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณาต่อไป
สำหรับการใช้บัตรกับรถไฟฟ้า MRT วงเงิน 500 บาทต่อคนต่อเดือนนั้น หากมีการใช้เกินจากวงเงินที่รัฐบาลให้ จะสามารถติดลบได้ 1 ครั้ง และจะถูกหักยอดติดลบในวงเงินของเดือนถัดไป ทั้งนี้ จากข้อมูลล่าสุดของผู้ใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐในการเดินทางโดยสารรถไฟเฉลี่ยวงเงิน 20 ล้านบาทต่อเดือน และรถ บขส. 5 ล้านบาทต่อเดือน ส่งผลให้ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาผู้ใช้บัตรผู้มีรายได้น้อยจ่ายค่าเดินทางแล้ว 200 ล้านบาท ขณะที่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ช่วงเดือน เม.ย. 2561 ที่ผ่านมามีผู้ใช้บัตรฯกับรถไฟ 30 ล้านบาท และรถ บขส. 6 ล้านบาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี