บริษัทเจแอลแอล ที่ปรึกษาและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก รายงานในบทวิเคราะห์ โดยระบุว่า ตลาดโรงแรมของกรุงเทพฯ และภูเก็ตจะผ่านจุดต่ำสุดในเร็วๆ นี้ในแง่ของอัตราการเข้าใช้บริการห้องพัก ตามการท่องเที่ยวภายในประเทศที่คาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้น การเริ่มกลับมาเปิดเที่ยวบินภายในประเทศ และความเป็นไปได้ที่จะเริ่มมีการเปิดพรมแดนกับบางประเทศในอีกไม่นาน
“ภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจโรงแรมของไทยได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงนับตั้งแต่พบผู้ป่วยจากไวรัสโควิด-19 รายแรก เมื่อวันที่13 มกราคม ปีนี้ และมาตรการล็อกดาวน์ที่เกิดขึ้นตามมาซึ่งนำไปสู่การควบคุมการเดินทางทั้งในและระหว่างประเทศ ส่งผลให้อัตราการเข้าพักโรงแรมและค่าบริการห้องพักปรับตัวดิ่งลงอย่างรุนแรงในช่วงสี่เดือนแรกของปี”เจแอลแอล ระบุ
“มีความเป็นไปได้ที่ภาคธุรกิจโรงแรมของทั้งกรุงเทพฯ และภูเก็ตจะเริ่มค่อยๆฟื้นตัว เนื่องจากเป็นหัวเมืองท่องเที่ยวที่มีปัจจัยพื้นฐานดี เป็นที่ยอมรับในระดับโลก”
นายจักรกริช จักรพันธุ์ ณ อยุธยา รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการลงทุน หน่วยธุรกิจบริการการลงทุนด้านโรงแรม บริษัทเจแอลแอล กล่าวว่า เจแอลแอลคาดว่า กรุงเทพฯ จะมีโรงแรมที่เจ้าของประสบปัญหาจนต้องนำออกเสนอขายจำนวนไม่มาก เมื่อเทียบกับหัวเมืองอื่นๆ เนื่องจากผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังคงมีความมั่นคงทางการเงิน ในขณะเดียวกัน มีนักลงทุนที่กำลังสนใจมองหาโอกาสการซื้อโรงแรม โดยเฉพาะบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และกองทุนไพรเวท อิควิตี้ ซึ่งรับความเสี่ยงได้มากกว่า ในขณะที่ตลาดการท่องเที่ยวยังฟื้นตัวไม่เต็มที่”
หน่วยธุรกิจบริการการลงทุนด้านโรงแรม เจแอลแอล ยังแนะว่า ผู้ประกอบการและนักลงทุนในตลาดโรงแรมของไทย ควรพิจารณาปัจจัยหลายประการ เพื่อให้สามารถกำหนดกลยุทธ์รองรับการฟื้นตัวให้เกิดประโยชน์สูงสุด ดังนี้
1.ประเมินสถานการณ์โรงแรมของตนเองเทียบกับกลุ่มโรงแรมในตลาดเดียวกันและสัดส่วนของแหล่งรายได้ในภาวะที่ตลาดมีอุปทานปริมาณมาก ทั้งที่มีอยู่เดิมและที่กำลังจะสร้างเสร็จ 2. คำนวณอัตราการเข้าพักที่ทำให้ธุรกิจถึงจุดคุ้มทุน และปัจจัยที่จะส่งผลให้มีความต้องการเพิ่มขึ้น ได้แก่ แผน Travel Bubble ที่รัฐบาลกำลังพิจารณา
3.ทำงานกับผู้บริหารโรงแรมและตัวแทนจำหน่ายห้องพักเพื่อวางแผนการที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวไทย พร้อมกับติดตามการเปิดพรมแดนอย่างใกล้ชิดเพื่อรอรองรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ 4.อาศัยประโยชน์จากมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศในการกลับมาเริ่มเปิดบริการและสร้างฐานลูกค้านักท่องเที่ยวชาวไทย อาทิ การเสนอแพ็กเกจ “สเตเคชั่น” เพื่อรองรับความต้องการในการท่องเที่ยวของชาวไทยที่ไม่สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ในช่วงล็อกดาวน์ 5.เตรียมความพร้อมในการเปิดรับลูกค้าหลังวิกฤตการณ์โควิด-19สิ้นสุด ทั้งในเรื่องของการดำเนินตามกฎระเบียบ และจัดเตรียมมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยและสุขอนามัย
นางปิตินุช ภู่พัฒน์วิบูลย์ รอบบินส์ รองประธานอาวุโสฝ่ายที่ปรึกษา หน่วยธุรกิจบริการที่ปรึกษาด้านโรงแรมของเจแอลแอล กล่าวว่า ภาคธุรกิจโรงแรมของไทยมีศักยภาพที่จะฟื้นตัวได้เร็วกว่าในหลายประเทศทั่วโลกหลังวิกฤติโรคระบาดคลี่คลาย จากการที่หัวเมืองท่องเที่ยวต่างๆ ของไทย มีชื่อเสียงในเรื่องการมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้นักท่องเที่ยว ทั้งนี้ แม้ตลาดโรงแรมในแต่ละทำเลอาจต้องอาศัยกลยุทธ์รองรับการฟื้นตัวของธุรกิจที่แตกต่างกันไป แต่โดยรวมเชื่อว่าการดึงดูดนักท่องเที่ยวกลับมาจะไม่ใช่เรื่องยากเนื่องจากความมั่นใจของนักท่องเที่ยวที่มาประเทศไทยมีอยู่สูงเป็นทุนเดิม ซึ่งทั้งหมดนี้น่าจะสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการโรงแรมและนักลงทุนด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี