“สรรพากร”เตรียมเสนอ “คลัง”เพิ่มค่าลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดาจากเดิม 6 หมื่นบาท ขยับเป็น 1.2 แสนบาท โดยใช้ใบกำกับภาษีจากร้านค้ามาเป็นหลักฐาน คาดให้มีผลได้ทันในปี 2557
นายสุทธิชัย สังขมณี อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมสรรพากรเตรียม เสนอนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รักษาการ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2557 ในเรื่องของการขอเพิ่มอัตราลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็น 1.2 แสนบาท จากเดิมที่กำหนดแบบเหมาจ่าย 6 หมื่นบาท
ทั้งนี้ในส่วนที่เพิ่ม 6 หมื่นบาทนั้น ผู้เสียภาษีจะต้องนำใบกำกับภาษีจากร้านค้า เพื่อมาขอลดหย่อน อย่างไรก็ตามการที่เสนอไปยังรักษาการรมว.คลังให้พิจารณาดังกล่าว สามารถเสนอเพื่อดำเนินการได้เลย ไม่จำเป็นต้องรอรัฐบาลชุดใหม่ เนื่องจากเป็นนโยบายของกรมสรรพากร คาดว่าจะให้มีผลบังคับใช้ในปีภาษี 2557 ที่จะยื่นแบบในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม2558
สำหรับร้านค้าที่เข้าร่วมนั้นจะต้องเป็นรายย่อย มียอดขายไม่เกิน 30 ล้านบาทต่อปี เพื่อเป็นการสนับสนุนธุรกิจรายย่อยในประเทศ โดยร้านค้าดังกล่าวจะต้องเชื่อมโยงระบบการซื้อการขายกับกรมสรรพากรด้วย
"การเชื่อมโยงข้อมูลจะเป็นการช่วยลดภาระและให้มีความสะดวกสบายมากขึ้นของร้านค้า ตัวผู้เสียภาษี และกรมสรรพากร รวมถึงการเตรียมเอกสารที่จะนำมาประกอบการลดหย่อนภาษี จะทำให้กรมสามารถตรวจสอบได้ทันทีว่าใบกำกับภาษีที่นำมาลดหย่อนนั้นเป็นของจริงหรือไม่" นายสุทธิชัย กล่าว
ทั้งนี้ กรมสรรพากรได้มีการหารือกับบริษัท เน็ตเบย์ ให้มาช่วยดูแลเรื่องระบบการซื้อขายระหว่างร้านค้ากับกรมแล้ว โดยจะไม่คิดค่าใช้จ่ายกับร้านค้าที่จะเข้าร่วม สำหรับเน็ตเบย์นั้นเป็นผู้ให้ดำเนินธุรกิจซอฟแวร์ด้านอี-บิซิเนส ซึ่งร่วมทุนระหว่าง บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด(มหาชน)กับ บริษัท ทีโอที จำกัด(มหาชน) และ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ(เนคเทค) บริษัท ซอฟท์แวร์ลิ้งค์ จำกัด ซึ่งที่ผ่านมาเน็ตเบย์มาช่วยวางระบบให้กรมสรรพากรแบบไม่คิดเงิน รวมถึงการวางระบบศุลกากรอิเล็กทรอนิกส์
สำหรับแนวคิดการลดหย่อนภาษีเป็น1.2 แสนบาทนั้นในอนาคตจะให้เพิ่มสัดส่วนการใช้ใบกำกับภาษีมากขึ้นจาก 6 หมื่นบาท และลดสัดส่วนแบบเหมาจ่าย 6 หมื่นบาทลง ซึ่งตรงนี้ช่วยกระตุ้นผู้เสียภาษีให้ความสำคัญกับใบกำกับภาษีมากขึ้น เมื่อมีการใช้ใบกำกับภาษีมากขึ้น กรมสามารถเก็บภาษีจากร้านค้าได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ กระทรวงการคลัง ได้ปรับโครงสร้างอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไปแล้ว มีผลใน2556โดย ได้ลดความถี่ของขั้นอัตราภาษีเพิ่มเป็น 7 ขั้น จากเดิม 5 ขั้น หรือลดเพดานอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเดิมจาก 10-37% เป็น 5-35% เพื่อช่วยผู้มีรายได้น้อย
นายสุทธิชัย กล่าวว่า หลังจากปรับลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาลง ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม2556 กรมฯเตรียมจัดเก็บข้อมูลการเสียภาษีรวมถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น เพื่อนำมาพิจารณาปรับลดภาษีลงอีก เนื่องจากอัตราภาษีเงินได้ระดับสูงสุดที่เก็บ 35% นั้นยังเป็นอัตราที่สูงสุด เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในอาเซียนที่เฉลี่ยในระดับ 20% เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม คงต้องรอดูว่าเมื่อลดภาษีแล้ว ฐานของผู้เสียภาษีจะเพิ่มขึ้นหรือไม่ หากมีผู้เสียภาษีมากขึ้นไทยน่าจะลดอัตราภาษีได้อีก เพื่อให้เกิดการแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ซึ่งไทยคงต้องทบทวนลดอัตราลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาลงอีกรอบ โดยจะเน้นกับรายได้ปานกลางถึงรายได้ระดับล่าง และคงต้องรอข้อมูลว่าหลังจากลดภาษีล่าสุดแล้ว จะมีกลุ่มผู้เสียรายได้กลุ่มไหนที่มีขยายฐานภาษีมากขึ้นหรือไม่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี