ไอเอ็มเอฟเคาะเศรษฐกิจไทยปี57ขยายตัว 2.5%ต่ำสุดในอาเซียน เตือนประเทศกำลังพัฒนาอาจเผชิญปัญหาเงินไหลออกจากมาตรการลดคิวอีของสหรัฐ ด้านคลังยอมรับส่งออกตัวช่วยสุดท้ายทำท่าจะวืดเพราะชาติคู่คู่ค้าสำคัญอย่างสหรัฐ-ยุโรปยังไม่ฟื้นตัวชัด ต้องหันพึ่งตลาดอาเซียนทำรายได้เข้ามาพยุงเศรษฐกิจ
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟเปิดเผยในรายงาน แนวโน้มเศรษฐกิจโลกฉบับล่าสุดว่า เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่โดยรวม จะขยายตัว 4.9% ในปี2557 ซึ่งลดลง 0.2% จากที่คาดไว้ในเดือนมกราคม ส่วนอัตราการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจหรือผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี)ในปี2557ของไทยจะอยู่ที่ระดับ 2.5% ต่ำที่สุดในบรรดาประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สรุปจีดีพีของ 9 ชาติอาเซียน (ไม่รวมประเทศสิงคโปร์) มีดังต่อไปนี้ 1. เมียนมาร์ 7.8% ,สปป.ลาว 7.5%,กัมพูชา 7.2% ,ฟิลิปปินส์ 6.5%, เวียดนาม 5.6% , อินโดนีเซีย 5.4%,บรูไน 5.4% , มาเลเซีย 5.2% และ ไทย 2.5%
ไอเอ็มเอฟระบุว่า เศรษฐกิจของประเทศตลาดเกิดใหม่มีแนวโน้มเติบโตอย่างเชื่องช้ากว่าที่เคยคาดการณ์ กันไว้เมื่อไม่กี่เดือนก่อน ปัจจัยเสี่ยงทางการเมืองในต่างประเทศก็ส่งผลกระทบด้วย
นายโอลิวิเยร์ บลองชาร์ด หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของไอเอ็มเอฟ กล่าวว่าจุดอ่อนของประเทศ กลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเพียงในบางประเทศเท่านั้น อย่างไรก็ดี ยังคงมีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจประเทศตลาดเกิดใหม่อาจชะลอตัวลงไปอีก ขณะที่เศรษฐกิจประเทศพัฒนาแล้วมีแนวโน้มดีขึ้น
ปัญหาทางการเงินที่เคยเกิดขึ้นในฤดูร้อนปีที่แล้วและในช่วงต้นปีนี้ ก็อาจจะเกิดขึ้นได้อีกครั้ง โดยปัญหาดังกล่าว คือกระแสเงินลงทุนจำนวนมากที่ไหลออกจากประเทศตลาดเกิดใหม่ ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เตรียมที่จะปรับลดวงเงินในมาตรการเข้าซื้อ ตราสารหนี้ หรือมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
โดยก่อนหน้านี้ธนาคารโลกก็ได้มีการปรับลดประมาณการจีดีพีของไทยในปีนี้เหลือเพียง3.0% ด้วยเหตุผลสำคัญมาจากปัญหาการเมืองที่ยืดเยื้อ ทำให้เศรษฐกิจไม่สามารถขับเคลื่อนได้เต็มที่
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวถึงแนวโน้มการส่งออกซึ่งถือเป็นตัวหลักสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจว่าการส่งออกของไทยในปีนี้ยังพบกับปัญหาอยู่ เนื่องจากประเทศคู่ค้าของไทย เช่น สหรัฐฯ กลุ่มยุโรปไม่ได้ฟื้นตัวจริงทำให้ยังคงเป็นกังวลในเรื่องของการส่งออกที่ก่อนหน้านี้คาดว่าจะสามารถเป็นตัวหลักให้เศรษฐกิจขยายตัวได้
“จากการรายงานในที่ประชุมประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน(ASEAN Finance Ministers’ Meeting : AFMM) ณ กรุงเนปิดอว์ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ พบว่า เศรษฐกิจโลกไม่ได้ฟื้นตัวจริง ประเทศคู่ค้าทั้งสหรัฐและกลุ่มยุโรป ก็ไม่ได้ดีอย่างที่คาดไว้ ทำให้การส่งออกของไทยยังมีปัญหาอยู่ และคงต้องหวังพึ่งจากการส่งออกไปยังภูมิภาคอาเซียนเพียงอย่างเดียว เพื่อให้เศรษฐกิจไทยสามารถเดินหน้าต่อไปได้ก่อน” นายรังสรรค์กล่าว
นายรังสรรค์ กล่าวว่าระหว่างที่ปัญหาการมืองยืดเยื้อยังไม่มีรัฐบาลใหม่เข้ามาขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทางกระทรวงการคลัง ได้รวบรวมข้อมูลการเบิกจ่ายของหน่วยงานราชการต่างๆในปีงบประมาณ 2557 และจัดทำร่างแผนการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2558 ส่งไปยังสำนักงบประมาณแล้ว เพื่อให้สำนักงบไปพิจารณาประกอบการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2558 โดยเป็นการเตรียมการเพื่อเสนอให้รัฐบาลชุดใหม่ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถจัดตั้งได้ในช่วงครึ่งปีนี้
อย่างไรก็ตามหากยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ก็จะส่งผลให้การจัดทำงบประมาณปี 2558 ล่าช้าออกไปซึ่งจะไม่มีเม็ดเงินเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจมากนัก เนื่องจากไม่สามารถมีโครงการจัดซื้อจัดจ้าง หรือโครงการลงทุนใหม่ๆได้แต่ทางหน่วยงานราชการยังใช้เม็ดเงินจากงบที่ได้จัดทำแผนก่อหนี้ผูกพันจากปีที่ผ่านมาไปก่อนได้ รวมถึงจากงบเหลื่อมปี หรือเงินกันที่ยังค้างอยู่ในระบบด้วยเช่นกัน
“ได้ส่งข้อมูลและแผนการทำงานในปีหน้าไปสำนักงบแล้วว่า ในแต่ละหน่วยงาน จะทำอะไรบ้าง เพื่อเป็นการเตรียมการก่อนที่จะมีรัฐบาลใหม่เข้ามา จะได้ไม่เป็นการเสียเวลา หลังจากในเวลานี้ได้ล่าช้ามามากแล้ว หากยังไม่สามารถมีรัฐบาลได้ ก็สามารถใช้เงินงบประมาณเดิมไปได้ก่อน” นายรังสรรค์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี