18 เม.ย.57 บล.โกลเบล็กฯ คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยหลังตลาดวานนี้(17 เม.ย.57) ปิดลบ ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,408.78 จุด เพิ่มขึ้น 6.94 จุด (+0.50%) มูลค่าการซื้อขาย 37,191.38 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิ 1,729.29 ล้านบาท
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย คาดมีแนวโน้มผันผวนในกรอบ 1,360-1,418 ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นมากเป็นสัญญาณชี้นำของแนวโน้มขาขึ้นระยะสั้น และมีโอกาสทดสอบแนวต้านเป้าหมาย 1,418/1,428 ตามลำดับ ในขณะที่ SET50 ด้านเทคนิคการเรียงตัวแท่งเทียนเป็นสัญญาณบวก การผ่านและปิดเหนือ 952-954 ขึ้นไปจะเกิดรูปแบบสามเหลี่ยมAscending ที่มีแนวต้านเป้าหมาย 981 GFJ14 เก็งกำไรในกรอบ 19,680-20,020 GFM14 เก็งกำไรในกรอบ 19,740-20,080
กลยุทธ์ ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สอดคล้องกับด้านเทคนิคที่อยู่ในภาวะขาขึ้น โดยมีแนวต้าเป้าหมายเล่นรอบหรือขายทำกำไร 1,418 / 1,428 ตามลำดับ ในขณะที่ระยะกลางแนวโน้มยังคงเชิงบวก ตลาดมีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้นจากการเข้าซื้อสุทธิต่อเนื่องของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ สถาบัน การปรับตัวเป็นจังหวะในการเข้าซื้อเล่นรอบ เน้นยืนแนวรับ 1,385 คาดแรงซื้อระยะสั้นกลับเข้ากลุ่มอสังหาฯ HEMRAJ PS AP SPALI กลุ่มธนาคาร KBANK KTB BBL SCB กลุ่มพลังงานหุ้นรายหลักทรัพย์ JAS PTTGC STEC AMATA TTCL WORK ระยะกลาง ปรับลงแรง ซื้อบางส่วน
หุ้นแนะนำพิเศษ
KBANK (ราคาปิด 188 ซื้อ เป้าหมาย 216) ปัจจัยพื้นฐานยังดีจากการเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่มีความโดดเด่นจากการบริหารจัดการหนี้ที่มีประสิทธิภาพเนื่องจากมีสัดส่วนสินเชื่อ SME ในระดับสูง แต่มีสัดส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวมน้อยที่สุดในกลุ่มแบงก์ขนาดใหญ่ ฝ่ายวิจัยคาดกำไรสุทธิในช่วง 1Q57 ทรงตัวYoY แต่เพิ่มขึ้น 6%QoQ ทั้งนี้ การปรับลดสมมติฐานอัตราการเติบโตของสินเชื่อเหลือ 7.5% จากเดิม 9% ส่งผลให้ประมาณการณ์กำไรสุทธิใหม่ปี 57 ลดลง 3% เหลือ 4.4 หมื่นล้านบาทซึ่งยังเติบโต 6% จากปี 56
หุ้นเด่นรายวัน
TMB (ราคาปิด 2.44 ซื้อเก็งกำไร เป้าหมาย 2.75) TMB แจ้ง 1Q57 มีกำไร 1,602 ล้านบาท ลดลง 12%YoY และ11%QoQ สัดส่วน NPL ลดลงเล็กน้อยจาก 3.87% เหลือ 3.85% สินเชื่อขยายตัวเพียง 0.3%YTD
SCB (ราคาปิด 163 ซื้อ เป้าหมาย 191 ) ในช่วง 1Q57 มีกำไรสุทธิ 13,129 ล้านบาททรงตัวเมื่อเทียบกับ 1Q56 และเพิ่มขึ้น 11.7%QoQ
SPCG (ปิด 21.50 ซื้อเก็งกำไร) กลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ลุ้นภาครัฐปรับเพิ่มค่า Ft หนุนรายได้ค่าไฟเพิ่ม โดยคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (เรกูเลเตอร์) จะมีการประชุมพิจารณาต้นทุนค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) รอบใหม่ (เดือนพ.ค.- ส.ค. 57) ในวันที่ 21 เม.ย.นี้ โดยเราเลือกเก็งกำไร SPCG เพราะแนวโน้มผลประกอบการโตโดดเด่นจากกำลังการผลิตไฟฟ้าแสงอาทิตย์ที่เพิ่มขึ้นจาก 21 โครงการในปี 56 เป็น 36 โครงการ และมี P/E Ratio ต่ำที่สุดของกลุ่มเพียง 12-13 เท่าต่ำกว่า EA และ GUNGUL ซึ่งมี P/E ที่ 30 และ 28 เท่า
ปัจจัยบวก ปัจจัยลบ
+สหรัฐเปิดเผยว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 12 เม.ย. เพิ่มขึ้น 2,000 ราย แตะที่ 304,000 ราย แต่ยังต่ำกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 315,000 ราย ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ลดลง 4,750 ราย สู่ระดับ 312,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2550 จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดสะท้อนว่าตลาดแรงงานยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ธนาคารกลางสหรัฐจับตาดูข้อมูลด้านแรงงานอย่างใกล้ชิดเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาเกี่ยวกับนโยบายการเงิน
+นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) กล่าวว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงฟื้นตัวปานกลาง แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีการบริโภคในเดือนเม.ย. จาก 5% เป็น 8% ก็ตาม
-ปัจจัยการเมืองเป็นปัจจัยลบหลักของตลาดหุ้นไทย
-วุฒิสภาจะทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีและเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้งเพื่อขอคำยืนยันในอำนาจผู้ทูลเกล้าฯถวาย พ.ร.ฎ.ขอเปิดประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญ หลังจากที่ทางรัฐบาลระบุว่าเป็นอำนาจของประธานรัฐสภา
-รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของญี่ปุ่นในเดือนมี.ค. ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2554 ซึ่งบ่งชี้ถึงความวิตกกังวลที่เพิ่มสูงขึ้นว่าการขึ้นภาษีการบริโภคในเดือนเม.ย.จะฉุดรั้งเศรษฐกิจของประเทศ
-นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ ไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า หากสถานการณ์ทางการเมือง ยังยืดเยื้อต่อไปถึงเดือน พ.ค.นี้ คาดว่า GDP ปี 57 จะขยายตัวโตเพียง 0-1% เท่านั้น แต่หาก เม.ย.นี้เกิดความรุนแรงผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจจะกระทบต่ออัตราการขยายตัวของจีดีพีจะรุนแรงมากขึ้น และอาจถึงขั้นติดลบได้ และภาคเอกชน จะต้องปรับแผนธุรกิจใหม่อีกครั้ง
-โกลด์แมน แซคส์ วาธิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยว่ารายได้สุทธิไตรมาสแรกปีนี้ ลดลง 8% สู่ระดับ 9.33 พันล้านดอลลาร์ แต่ยังสูงกว่าคาด ส่วนกำไรสุทธิลดลง 11% สู่ระดับ 1.95 พันล้านดอลลาร์ หรือ 4.02 ดอลลาร์ต่อหุ้น แต่ยังสูงกว่าคาดเช่นกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี