บรรดาแกนนำพรรคเพื่อไทยสาวกระบอบทักษิณกร้าวเริ่มส่งสัญญาณพร้อมชนด้วยการดาหน้าออกมาข่มขู่กดดันขวางการถอดถอนนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภาจากพรรคเพื่อไทย และนายนิคม ไวยรัชพาณิช อดีตประธานวุฒิสภา กรณีปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในการผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มาของสมาชิกวุฒิสภา(สว.) รวมทั้งขวางการปฏิรูปประเทศโดยอ้างว่ามีการล็อกสเป็คเพื่อล้างระบอบทักษิณ
แกนนำอดีตส.ส.พรรคเพื่อไทยนำโดย เด็จพี่พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรค นายอำนวย คลังผา และนายชวลิต วิชยสุทธิ์ บุกยื่นหนังสือทั้งต่อ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) และต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความวงบแห่งชาติ(คสช.) เพื่อให้ยุติขบวนการถอดถอน นายสมศักดิ์ และ นายนิคม โดยอ้างว่าไม่มีกฏหมายรองรับเพราะรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 สิ้นสภาพไปแล้วหลังการรัฐประหารโดยคสช.เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยนายพร้อมพงศ์ขู่ว่าหากมีการถอดถอนจะเป็นการจุดชนวนวิกฤติรอบใหม่ ขณะที่นายอำนวยย้ำว่าพรรคเพื่อไทยจะหารือเพื่อกำหนดท่าทีเคลื่อนไหวต่อไป
ขณะที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มเสื้อแดง ออกมาส่งสัญญาณแข็งกร้าวว่ารัฐธรรมนูญชั่วคราวอันเป็นเครื่องมือไปสู่การปฏิรูปประเทศมาตรา 35 มีการล็อกสเป็คมุ่งทำลายล้างระบอบทักษิณ ทั้งๆที่มาตรา 35 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวมุ่งขจัดการระบอบธุรกิจการเมืองทุนสามานย์อันเลวร้ายที่ทุจริตคอร์รัปชั่นโกงชาติปล้นแผ่นดินและการผูกขาดอำนาจยึดครองประเทศของเผด็จการเสียงข้างมากในคราบประชาธิปไตยที่เป็นต้นตอของวิกฤติสร้างความบอบช้ำทำร้ายประเทศอย่างหนักมากว่า 10 ปี
การที่บรรดาสาวกระบอบทักษิณออกมาขวางการถอดถอนนายสมศักดิ์ และ นายนิคม แบบหัวชนฝาเพราะจะเป็นบรรทัดฐานไปถึงคดีถอดถอนอื่นๆซึ่งอาจหมายถึงการล่มสลายของระบอบทักษิณ โดยคดีถอดถอนอีกหลายคดีที่จ่อคิว ทั้งคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯกระทำผิดต่อหน้าที่ปล่อยปละละเลยส่อรู้เห็นเป็นใจให้เกิดมหกรรมโคตรโกงโครงการรับจำนำข้าวจนสร้างความเสียหายแก่ประเทศครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ไม่ต่ำกว่า 5 แสนล้านบาท และที่สำคัญคือกรณีถอดถอน 308 ส.ส.และสว.แก๊งระบอบทักษิณกรณีร่วมขบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มาของสว.โดยมิชอบ ซึ่งหากถูกถอดถอนเบื้องต้นจะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปีและมีแนวโน้มถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิตตามที่บ่งชี้ไว้ในรัฐธรรมนูญชั่วคราว
ในประเด็นข้อกฏหมายที่ฝ่ายระบอบทักษิณอ้างว่า รัฐธรรมนูญปี 2550 สิ้นสภาพไปแล้วจึงถอดถอนไม่ได้นั้น นักวิชาการหลายคนชี้ว่า รัฐธรรมนูญชั่วคราวมาตรา 6 ให้ สนช.ทำหน้าที่รัฐสภาจึงมีอำนาจถอดถอน และแม้รัฐธรรมนูญปี 50 จะสิ้นสภาพไป แต่ความผิดติดตัวของสมศักดิ์และนายนิคมสำเร็จแล้วไม่ได้สิ้นสภาพไปด้วยเพราะยังมีโทษถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองและอาจมีโทษทางอาญาด้วย อีกทั้งการถูกถอดถอนเป็นการอ้างอิงตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต ไม่เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญปี 2550
เพราะฉะนั้นต้องวัดใจการประชุมสนช.วันที่ 17 ต.ค.นี้ว่าจะยึดหลักการความถูกต้อง หรือจะยอมอ่อนข้อประนีประนอมกับแก๊งข่มขู่ด้วยข้ออ้างเพื่อสร้างบรรยากาศปรองดอง ทั้งๆที่การปรองดองเป็นทัศนะแบบโลกสวยที่ไม่มีทางเป็นจริงเพราะถึงอย่างไรระบอบทักษิณก็ไม่มีทางยอมรับโทษความผิดไม่ว่ากรณีใดๆ รวมทั้งยอมเปลี่ยนธาตุแท้พฤติกรรมอันเลวร้ายและเลิกล้มความพยายามที่จะกลับมามีอำนาจยีดครองประเทศอย่างเด็ดขาด
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี