วันอังคาร ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ขณะที่ชาติบ้านเมืองอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านเพื่อการปฏิรูปครั้งใหญ่ไม่ให้กลับไปสู่วงจรอุบาทว์วิกฤติอันเลวร้ายที่สร้างความบอบช้ำให้ประเทศอย่างแสนสาหัสตลอดช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา โดยชาติบ้านเมืองต้องการความสงบเรียบร้อย และร่วมพลังเดินหน้าหลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)เข้าควบคุมอำนาจการปกครองประเทศตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2557 แต่ขบวนการระบอบทักษิณซึ่งเป็นระบอบธุรกิจการเมืองในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมอันชั่วร้ายที่เป็นต้นเหตุของวิกฤติชาติยังไม่ละความพยายามที่จะฟื้นระบอบทักษิณกลับมามีอำนาจยึดครองประเทศอีกครั้ง
ทั้งที่เป็นต้นเหตุของวิกฤติชาติสร้างความบอบช้ำนำประเทศไปสู่ภาวะรัฐล้มเหลวจนคสช.ต้องเข้ายึดอำนาจ แต่ระบอบทักษิณกลับยังพยายามสร้างความปั่นป่วนถ่วงรั้งชาติบ้านเมืองและมุ่งล้มการปฏิรูปประเทศรวมทั้งบ่อนทำลายคสช.หวังทวงคืนอำนาจด้วยการเคลื่อนไหวสร้างความระส่ำระสายทั้งบนดินใต้ดิน และทั้งในและนอกประเทศ
จากผลสำรวจของโพลล์สำนักต่างๆตลอดช่วงที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นว่าประชาชนส่วนใหญ่เบื่อหน่ายเอือมระอานักการเมืองซึ่งตลอดช่วงที่ผ่านมาสร้างปัญหาให้ประเทศจมอยู่กับวังวนวงจรอุบาทว์อันเลวร้าย ขณะเดียวกันฝากความหวังและให้การสนับสนุนคสช.ในการเดินหน้าปฏิรูปประเทศให้พ้นจากวงจรอุบาทว์อย่างจริงจังเสียที ซึ่งเสียงสะท้อนของมวลมหาประชาชนส่วนใหญ่สะท้อนให้เห็นว่า ขบวนการป่วนเมืองเครือข่ายระบอบทักษิณที่ออกมาเคลื่อนไหวอยู่ในขณะนี้เป็นคนแค่หยิบมือเดียว ซึ่งพยายามสร้างสถานการณ์ยั่วยุ ท้าทาย และสร้างความระส่ำระสายให้กับบ้านเมืองโดยมีเป้าหมายแอบแฝงหวังบ่อนทำลายอำนาจรัฐปัจจุบันและทวงอำนาจคืนมาเป็นของฝ่ายตัวเอง
ทั้งนี้ขบวนการป่วนเมืองที่ออกมาเคลื่อนไหวแท้ที่จริงเป็นคนเพียงไม่กี่คนซึ่งเป็นเครือข่ายและแนวร่วมขบวนการระบอบทักษิณขาประจำหน้าเดิมๆ ทั้งสิ้น ทั้งแกนนำพรรคเพื่อไทย แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง กลุ่มนักวิชาการและนักศึกษา ซึ่งแบ่งหน้าที่กันเคลื่อนไหวแบบแยกกันเดินแต่ร่วมกันตีเพื่อทำให้เห็นว่า เป็นพลังมวลชนจากหลากหลายกลุ่มจำนวนมากทั้งๆที่เป็นพวกเดียวกันและมีจำนวนแค่หยิบมือเดียว
การเคลื่อนไหวป่วนประเทศแบบดับเครื่องชนของเครือข่ายระบอบทักษิณสะท้อนให้เห็นจากท่าทีของ นายจตุพร
พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มคนเสื้อแดง ที่เคยประกาศอย่างแข็งกร้าวในช่วงเหตุการณ์ก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองเมื่อปี 2553 ในทำนองว่า ถ้าระบอบทักษิณอยู่ไม่ได้ ประเทศนี้ก็อย่าหวังอยู่อย่างสงบสุขอีกต่อไป
ระบอบทักษิณซึ่งเป็นระบอบธุรกิจการเมืองในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมพร้อมที่จะทำสิ่งชั่วร้ายได้ทุกอย่างเพื่อให้บรรลุเป้าหมายผลประโยชน์ของตัวเอง ทั้งทุจริตคอร์รัปชั่นโกงชาติปล้นแผ่นดินมโหฬาร ใช้เงินผลประโยชน์ทุกรูปแบบทั้งทางตรงและทางอ้อมซื้ออำนาจรัฐ ซื้อประชาธิปไตย ซื้อประเทศ เป็นต้นตอที่สร้างความแตกแยกในชาติลึกซึ้งรุนแรงอย่างไม่เคยมีมาก่อน แทรกแซงองค์กรอิสระและพยายามผูกขาดอำนาจหวังยึดครองประเทศอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด และที่เลวร้ายคือพยายามบ่อนทำลายสถาบันเบื้องสูงอย่างเหิมเกริม
หลังการยึดอำนาจของคสช.เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ระบอบทักษิณพยายามก่อการร้ายลอบระเบิดป่วนเมืองหลายครั้ง และวางแผนก่อการร้ายทั่วประเทศครั้งใหญ่โดยเฉพาะแผน “ขอนแก่นโมเดล” แต่ถูกคสช.ชิงกวาดล้างจับกุมได้เสียก่อนที่จ.ขอนแก่นโดยจับกองกำลังเสื้อแดงได้กว่า 20 คน พร้อมอาวุธสงครามร้ายแรงจำนวนมากโดยผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมรับสารภาพว่าได้รับท่อน้ำเลี้ยงจากนายใหญ่ในต่างแดน
ทั้งนี้การเคลื่อนไหวของเครือข่ายระบอบทักษิณซึ่งเป็นตัวละครขาประจำหน้าเดิมในขณะนี้ก็เพื่อยั่วยุ ท้าทายคสช.เพื่อให้จับกุมหรือนำตัวไปปรับทัศนคติเพื่อชิงพื้นที่ข่าวสร้างกระแสหวังใช้เป็นข้ออ้างสุมไฟให้เกิดกระแสต่อต้านอำนาจรัฐทั้งในและนอกประเทศ โดยสร้างภาพอ้างการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการคุกคามเสรีภาพตามระบอบประชาธิปไตยโดยอำนาจเผด็จการรัฐทหาร
ขณะเดียวกันการสร้างความระส่ำระสายก็เพื่อก่อกวนทำลายสมาธิของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ให้หัวเสียและมาเสียเวลากับการยั่วยุท้าทายของเครือข่ายระบอบทักษิณจนไม่สามารถบริหารประเทศได้อย่างราบรื่นประสบความสำเร็จในการปฏิรูปประเทศ อีกทั้งการยั่วยุจน พล.อ.ประยุทธ์ ฟิวส์ขาดยังส่งผลกระทบต่อการแสดงท่าทีเกรี้ยวกราดต่อสื่อสำนักต่างๆ ซึ่งเท่ากับบ่อนทำลายคสช.และรัฐบาล
การเคลื่อนไหวที่สำคัญของเครือข่ายระบอบทักษิณในการบ่อนทำลายคสช.และรัฐบาลอีกอย่างคือการทำสงครามโจมตีผ่านโซเชียลมีเดีย จนล่าสุดมีการจับกุม 8 ผู้กระทำผิดซึ่งมีการซัดทอดโยงใยผู้ต่อท่อน้ำเลี้ยงไปถึงนายจตุพรรวมทั้ง นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายใหญ่ระบอบทักษิณ
นับวันความเคลื่อนไหวป่วนฉุดรั้งการเดินหน้าปฏิรูปประเทศของเครือข่ายระบอบทักษิณจะดุเดือดเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะขณะนี้ระบอบทักษิณอยู่ในสภาพหลังพิงฝาพร้อมที่จะสู้แบบเลือดเข้าตา ซึ่งการบ่อนทำลายของเครือข่ายระบอบทักษิณนับเป็นปัญหาท้าทายคสช.และรัฐบาลหนักหน่วงอยู่แล้ว แต่ปัจจัยสำคัญที่วัดความสำเร็จหรือล้มเหลวของคสช.และรัฐบาลก็คือการสร้างศรัทธาครองใจมหาชนด้วยผลงานโดยเฉพาะการทำให้ประชาชนกินดีอยู่ดี บ้านเมืองเกิดความสงบ รวมทั้งต้องเดินหน้าปฏิรูปประเทศให้เห็นผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว และที่สำคัญที่สุดคือคสช.และรัฐบาลต้องไม่สะดุดขาตัวเองจากกรณีทุจริตโดยเฉพาะพล.อ.ประยุทธ์ ต้องระวังจะพังเพราะคนใกล้ตัว
ทีมข่าวการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี