คุ้นหน้าคุ้นตากันดีกับ “จุ๊บแจง-วิมลพันธ์ชาลีจังหาญ” หรือ “อีจวง” หนึ่งในแก๊งบ่าวเรือนใหญ่ของคุณหญิงจำปา จากละครดังแห่งปี “บุพเพสันนิวาส” ของทาง ช่อง 3 ซึ่งการเดินทางมาถึงวันนี้ของจุ๊บแจงนั้น เรียกว่าไม่ธรรมดา สตาร์เรโทรสัปดาห์นี้จึงพาไปส่องชีวิตที่ผ่านมาของเธอแบบหมดเปลือก
โชคชะตาฟ้าลิขิต
ต้องบอกว่าจุ๊บแจงฟลุคมากค่ะ คนที่อยากจะเข้าสู่วงการบันเทิงบางทีก็ไม่มีโอกาส เราถือว่าเป็นคนที่โชคดีมาก ไม่ได้คิดว่าจะมาอยู่ในวงการบันเทิง เพราะเป็นคนขี้อายมาก (เน้นเสียง) เวลารายงานหน้าชั้นเรียน อายสุดๆ แต่ปรากฏว่าเราเอนทรานซ์ติดพยาบาล เชียงใหม่ แต่ว่าแม่ไม่ให้ไปเชียงใหม่ โอเค..ถ้าแม่ไม่ให้ไปก็จะพยายามเรียนอะไรที่จบเร็วๆ สามปีครึ่ง ก็เลยมาเรียนคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ก็เรียนไปทำงานไป ทำ Backstage ทำเสื้อผ้า ทำพร็อพ อยู่เบื้องหลังทั้งหมด จนกระทั่งวันหนึ่ง อาป้ำ-กฤษณพงษ์ นาคธน มาถ่ายละครที่มหาวิทยาลัย แล้วเห็นเรา ซึ่งตอนนั้นเราผมยาวหัวหยิกๆ เขาก็ถามว่าอยากเล่นละครไหม เราก็บอกไม่อยาก เพราะอยากเรียนให้จบ แต่เพื่อนก็บอกว่า เราเรียนนิเทศฯ ถ้ามีโอกาสได้ทำงานตรงตามที่เรียนถือว่าโชคดีนะ และยังได้ตังค์ด้วย เราก็เลย โอเค ลองดู แล้วก็ได้มาเล่นละครเรื่องแรกคือเรื่อง “1 2 3 ชู๊ต” ช่อง 9 หลังจากนั้นก็มีงานโฆษณา ถ่ายหนังสือ มิวสิกวีดีโอ แล้วก็รับละครเท่าที่จะรับได้ เพราะต้องเรียนด้วย แต่พอเรียนจบก็ทุ่มเททำงานในวงการบันเทิงเต็มที่ ทำมาเรื่อยๆ จนตอนนี้ 27 ปีแล้ว
ผ่านมาแล้วทุกบทบาท
เมื่อก่อนเป็นนักแสดงกลุ่มนิวคิดส์ จากค่ายไฟว์สตาร์ อาต๋อย-นฤมล นิลวรรณ เป็นผู้จัด แล้วก็มีเป็นนางเอกคู่สอง คู่สาม อย่างเรื่อง “หวานมันส์ ฉันคือเธอ ภาค 2” จุ๊บเป็นลำนำ คู่กับ กวี (เจสัน ยัง) จริงๆ ตอนแรกลืมไปแล้วนะ พอดีกลับมาเจอ เจสัน ยัง ในกองถ่าย“กำไลมาศ” ก็เลยจำกันได้ หลังจากนั้นจุ๊บก็เล่นเป็นตัวร้ายบ้าง หลากหลายบทบาทมาก คนใช้ คนไม่ดี สารพัดเล่นมาเกือบทุกตัว ถามว่าสนุกตัวไหนก็คงเป็นการเล่นร้ายนะ เพราะก็เป็นสีสันของเรื่อง เป็นภาพจำอย่างตอนเล่น “กำไลมาศ” ก็เล่นเป็น เจิม ถือว่าเป็นความสะใจ (หัวเราะ) การที่เราได้บทที่หลากหลายก็ดีใจค่ะ
งานเบื้องหลังที่โชกโชน
ล่าสุดเพิ่งทำคอสตูม เสื้อผ้า สไตลิสต์ ละครเรื่อง “คุณย่าดอตคอม” จริงๆ จุดหักเหที่มาทำเรื่องเสื้อผ้าก็เพราะแม่ก้อย (ทาริกา ธิดาทิตย์) กับ น้องเอิน (นิธิภัทร์ เอื้อวัฒนสกุล) ตอนนั้นทำละครเรื่อง “แผนร้ายพ่ายรัก” น้องเอินมาทำละครแรกๆ เขาก็อยากได้มุมมองใหม่ๆ ก็เลยเรียกเราไปออกแบบทำสไตลิสต์ให้ เราก็ไปทำให้ช่วงแรก แล้วก็มีเรื่อง “บัวแล้งน้ำ” คือเราก็จะมีทีม จัดเซตทีมเข้าไปทำในแต่ละกองถ่าย ส่วนตัวจุ๊บเองถ้าทำงานเสร็จก็จะไปกองเกือบทุกวัน เพื่ออยากจะไปดูว่ามีปัญหาขาดตกบกพร่องตรงไหนไหม งานที่เราทำไปมีอะไรต้องแก้ไขหรือเปล่า จนผู้จัดบอกว่าไม่ต้องมาก็ได้ เราก็อยากไปน่ะ แล้วนอกจากเป็นคอสตูม หน้าที่ผู้ช่วยผู้กำกับ ก็เคยทำนะคะ เรื่อง “สุริยัน จันทรา” ของอาต้อย-เศรษฐา มี เจิน-วรัญญา
เจริญพรสิริสุข เป็นนางเอก
ถ่ายทอดวิชาความรู้สู่รุ่นหลัง
ถ้าทางมหาวิทยาลัยเชิญมาก็ไปค่ะ ให้ความรู้สอนพิเศษเกี่ยวกับการแสดง วงการบันเทิง แล้วก็สอนการแสดง แล้วแต่สถาบันไหนจะเชิญไป ก็มีสอนที่ มีฟ้า และอีกหลายๆ ที่ ก็ชอบที่จะเป็นครูสอนการแสดงนะ เพราะถือเป็นการเคาะสนิมในตัวเราไปด้วย เหมือนเราจะได้มองดูตัวเราเองด้วย เราก็เลยสนุกมากกว่า แต่อาชีพหลักที่เราอยู่ได้มาจนถึงทุกวันนี้เลยก็คืออาชีพนักแสดงนี่แหละ คือเราเป็นคนที่ต้องรับผิดชอบครอบครัวมีพี่น้อง 6 คนเราเป็นพี่คนโต พอพ่อเสียก็ต้องดูแลน้องๆ ทั้ง 5 คน
อาชีพเสริม เพิ่มเติมรายได้
คือการได้เล่นละคร ผู้จัดหรือใครเขาก็ไม่ได้เรียกเราเล่นทุกเรื่อง ก็เลยเปิดร้านขายเสื้อฟ้าชื่อร้าน “อีโกลด์ ฟลาวเวอร์” มาจากคาแร็กเตอร์ตัวละคร เรื่อง “บ้านไร่ชายทุ่ง” ของช่อง 3 เป็นซิทคอมที่เราเล่นเป็นตัวร้าย สมัยก่อนเปิดที่จตุจักร 1 ปี เพื่อเก็บเงิน แล้วมาเปิดที่ สยามสแควร์ ซ.4 เปิดมา 7-8 ปี แล้วปิดร้านไปทำขายส่งที่ประตูน้ำ ใบหยก ขายส่งได้ประมาณ 5 เดือน ขายดีมากนะ แล้วไฟก็ไหม้ เราก็โยกไปอยู่ที่ ใบหยก 2 พอใบหยก 1 สร้างเสร็จก็กลับเข้ามาใหม่ ตอนนั้นขายดีมาก ลูกค้าต่างชาติเยอะเลย เพราะเสื้อผ้าเราจะสีสันคัลเลอร์ฟูล แล้วจู่ๆ ก็เกิดเหตุการณ์ทางการเมืองขึ้น เดือนหนึ่งเปิดบิลแค่ 4 บิล อีก 20 กว่าวันเงียบ สต๊อกเสื้อผ้าเต็มเลย เพราะอาทิตย์หนึ่งออกแบบเสื้อผ้า 10 แบบ แบบละ 500 ตัว คละสี คละแบบ ครบไซน์ ก็ถือว่าวิกฤติเลยล่ะ ถ้าเปิดร้านต่อไปเราต้องตายแน่ๆ เลยหยุด หมดสัญญาเช่าก็ไม่ต่อ ของสต๊อกที่มีอยู่เราก็เอามาขายตอนงานช่อง 3 ทีวี 3 สัญจร ตลาดนัด ตามห้างที่เขามีศิลปินดาราให้ไปขายของได้ กระจายไป กว่าจะหมดสต๊อกก็เกือบ 2 ปี
เหมือนทุกอย่างจะดีขึ้น เกิดวิกฤติน้ำท่วมหลังจากเพิ่งเปิดร้านขายของที่เมเจอร์รัชโยธิน ทำให้เศษฐกิจซบเซา ก็เลยปิดร้านไม่ต่อสัญญา แล้วก็มาเปิดบริษัททำอีเว้นท์ ทำรายการทีวี ป้อนช่องเคเบิ้ลต่างๆ ตอนแรกก็คิดว่าทำสักรายการสองรายการ สุดท้ายก็ทำไป 5-6 รายการเลยน่ะ (หัวเราะ) แล้วลูกค้าเต็มตลอด เราเป็นพิธีกรเอง แล้วเอาเพื่อนนักแสดงมาทำพิธีกรด้วย แล้วอยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนระบบ โดนอีกแล้วครับท่าน (หัวเราะ) ชีวิตเป็นอย่างนี้จริงๆ ขึ้น-ลง เราก็เลยรู้สึกว่าเศษฐกิจไม่ได้ดีแล้วล่ะ หยุดพัก
ทุกปัญหามีไว้แก้ไขและเริ่มต้นใหม่
เครียดมากเหมือนกันช่วงนั้น ก็เลย เอาวะ เป็นลูกจ้างเขาอย่างเดียวแล้วกัน ก็รับทำพิธีกร เล่นละคร อย่างเดียวไปเลย หยุดทำธุรกิจตัวเอง ถือว่าที่ผ่านมาเป็นช่วงวิกฤติในชีวิตเรา บางคนก็อาจจะคิดว่าเป็นหนี้ โดนทุกอย่างแบบนี้ คิดสั้น เครียด แต่เราชอบนะ ซึ่งก็ยอมรับแรกๆ เครียด แต่เราก็รู้สึกว่าดวงชะตาเราก็คงเป็นแบบนี้ล่ะมั้ง คนเราถ้ายังไม่สิ้นหนทาง มีมือ มีเท้า เราก็ต้องสู้ดิ้นรนต่อไป ทำให้เราดีที่สุด ทุกวันนี้ก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ เพียงแต่ว่าก็รอให้เศรษฐกิจดีกว่านี้ ถ้าถามว่าตอนนี้ทำอะไรก็คือ รับทำอีเว้นท์ ทำทุกอย่างที่ใครให้เราทำ ใครจ้างก็ทำ เราไม่ชอบปล่อยโอกาสให้หลุดมือ เราเป็นคนไม่เกี่ยงเงินน้อย ไม่คอยวาสนา เพราะว่าเราคิดว่า คนขยันเท่านั้นที่จะไม่อดตาย แค่นั้นสโลแกนในใจ
แจ้งเกิดใหม่
ถามว่าตลอด 27 ปี มีคนจำเราได้ไหม จำได้นะ ว่าเออคนนี้เล่นละคร แต่สำหรับละคร “บุพเพสันนิวาส” กระแสตอบรับดีมาก จริงๆ บทของ จวง ก็เป็นส่วนเล็กๆ ของเรื่อง ที่เป็นตัวสีสัน เป็นเหมือนผงชูรสที่เขาปรุงให้มีรสชาติ ถามว่าเป็นเรื่องแจ้งเกิดให้เราไหมก็เรียกได้ว่าแจ้งเกิดนะ เพราะว่า เป็นบุพเพสันนิวาส ฟีเวอร์ไปเลย ทั้งประเทศเลย รวมถึงต่างประเทศด้วย เพื่อนจุ๊บที่อยู่ต่างประเทศก็จะอินบ็อกมา ไลน์มา เฟซไทม์มาหา แล้วบอกว่าคนที่โน่นติดมากเลยนะโดยเฉพาะร้านอาหารไทย หรือว่าคนไทย เขาน่ารักนะ คือที่ต่างประเทศเขาจะจับกลุ่มกัน คนไทยด้วยกันไปดูด้วยกันแล้วเขาก็จะมีนัดกันใส่ชุดไทยไปกินข้าวมาเจอกัน คืออาจจะด้วยคิดถึงบ้านก็ส่วนหนึ่ง ก็มีทำมะม่วงน้ำปลาหวานกินกัน เพื่อนที่โน่นเล่าให้ฟัง คือเขาคิดถึงความเป็นไทย
กระแสกับชีวิตประจำวัน
เหมือนเดิมทุกอย่าง ล่าสุดไปที่อยุธยา เด็กเล็กๆ ประมาณ 5-6 ขวบ วิ่งเข้ามาเรียกชื่อเรา พี่จวงๆ เราก็ดีใจนะ เออเขาก็ยังรู้ ส่วนจุ๊บเองก็ทำตัวและรู้สึกเหมือนเดิมทุกอย่างหรืออย่างบางทีเราวิ่งงานรถติด ต้องนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างไป เขาก็จำเราได้ คนทั่วไปก็จำได้ทักทายกันปกติ เราก็ใช้ชีวิตเหมือนเดิมทุกอย่าง เดินไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อไปไหนมาไหนทำทุกอย่างเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงค่ะ อาจจะมีบางคนพูดว่าตอนนี้ บุพเพฯ ดังมากเลยนะ จุ๊บสบายแล้วสิ โน่นนี่นั่น แต่เราก็อยากจะบอกว่ายังเป็นเหมือนเดิมทุกอย่างนะ แต่เราดีใจที่เราไปไหนคนวิ่งเข้ามาขอถ่ายรูป แฮปปี้ดีใจที่เขาเห็นผลงานเรา รักที่เราเป็นตัวละคร เราก็ปลื้มใจดีใจ ขอบคุณไม่ว่าจะเป็น พี่หน่อง (อรุโณชา ภาณุพันธุ์) พี่ใหม่ (ภวัต พนังคศิริ) ช่อง 3 ก็ให้ความเมตตาเรามาตลอด รวมถึงนักแสดง ทีมงานทุกคน น่ารักให้ความเอ็นดู เคมีลงตัว ลงบล็อก เราโชคดีมากๆ เลยถึงแม้ว่าเราจะเป็นส่วนเล็กของละคร แต่ก็ทำให้เรารู้สึกว่าอิ่มใจ เบิกบาน อย่างวันที่รำแก้บนเรารู้สึกดีใจมาก อย่างที่บอกไม่เคยมีแฟนคลับมาตามเรา มาให้กำลังใจเรามีแฟนคลับถามว่าวันนี้จะไปไหนยังไง ซึ่งเมื่อก่อนไม่มี
ความผูกพันกับอาชีพนักแสดง
เมื่อก่อนละครยังไม่ได้อยู่ในสายเลือดของเรา อย่างที่บอกว่าการเข้าสู่วงการบันเทิงเป็นการจับพลัดจับผลูฟลุคๆ มา ก็เลยเหมือนกับว่า เออทำก็ได้เพราะจะได้ต่อยอด มีงานในวงการบันเทิงทำเบื้องหลัง แต่พอมาเล่นละครไปเรื่อย 4-5 ปี มันเริ่มซึมสู่กระแสเลือด พอไม่ได้เล่นละครแล้วคิดถึง เรามีความรู้สึกว่า เฮ้ยบทแบบนี้มันต้องขยี้แบบนี้ กลายเป็นแบบว่าเรารักมัน รักละคร หลอมรวมเราเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน กลายเป็นอยู่ในสายเลือดเราไปแล้ว ถามเราว่าเรารักอะไร เราก็บอกเลยว่า เรารักที่จะได้เล่นละคร อยากจะเล่น อยากจะทำ พอทำแล้วมีความสุข เรามีความสุขเวลาอยู่ในกองหรือเข้าฉาก เราจะดูตลอดว่าเราจะต้องเล่นแบบไหน แค่ไหน คือละครแต่ละเรื่องก็เหมือนกับกับข้าวหม้อหนึ่งหรือผัดจานหนึ่งที่ผู้จัดก็จะไปเลือกวัตถุดิบในตลาดสดหรือซุปเปอร์มาร์เก็ตแล้วก็หยิบๆ มา แล้วผู้กำกับจะเป็นพ่อครัว แม่ครัว ในการปรุงรส แล้วเราก็เป็นอีกหนึ่งรสชาติที่เขาให้ใส่ลงไปในละครแต่ละเรื่อง
ฝากให้คิดเตือนสติดาวรุ่งดวงใหม่
วงการนี้คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า วงการนี้สวยหรู หอมหวาน มีชื่อเสียง มีคนนับหน้าถือตา มีคนดูแลเทคแคร์เหมือนเป็นเทวดา แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นการที่เราจะอยู่ในวงการบันเทิงให้ยาวนานที่สุด จุ๊บชอบคุยกับดารารุ่นเก่าๆ นะการที่เรายึดมั่นแค่ไม่กี่อย่าง นั่นคือ ตรงต่อเวลามีสัมมาคาระวะ ซื่อสัตย์ต่อตัวเองและเพื่อนร่วมงาน แค่นี้คุณก็สามารถอยู่ในวงการบันเทิงได้อย่างยาวนาน ถ้าเราตั้งใจผู้กำกับเขาเห็นเราตั้งใจแล้วแต่ยังไม่ได้เขาก็อยากจะถ่ายทอดพลังงานต่างๆ ให้ ก็อยากจะฝากน้องๆ รุ่นใหม่ พรสวรรค์ใครมีอยู่แล้วก็ปุ๊บปั๊บเข้ามาได้เลย ก็อยากให้รักษาไว้ให้นานๆ ส่วนคนที่อยากเข้าวงการบันเทิงไม่มีพรสวรรค์แต่มีพรแสวง ก็อยากให้หมั่นฝึกฝนหมั่นดูหนังดูละคร ฝึกที่บ้านกับกระจก เพราะกระจกคือครูที่ดี ค่อยๆ ฝึกฝนให้เราเก่งเก็บชั่วโมงบินให้สูงๆ ได้ แต่ถ้าใครเข้ามาแล้วก็อย่าเพิ่งท้อใจที่เล่นไปไม่กี่เรื่องก็ยังไม่ดังไม่มีคนรู้จัก คนไม่จำ ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่จังหวะเวลาและโอกาส ถ้า 3 อย่างนี้มาปุ๊บคลิกเดียวลงตัว กำลังใจเราสร้างได้ด้วยตัวเอง ใจต้องเข้มแข็ง เรื่องต่อไปถ้ามีโอกาสได้เล่นก็ทำการบ้านให้เต็มที่ ถ้าสังเกตดีๆ ในละครบุพเพสันนิวาสฉากไหนที่คนไหนออกมาเขาเล่นขยี้กันเต็มที่เลยนะ ทุกคนขยี้เพราะเป็นซีนของเขา ต้องขายความเป็นเขา เป็นจุดๆ หนึ่งที่สำคัญนั่นก็คือความตั้งใจในการทำงานในหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่
อัพเดทชีวิตครอบครัว
คือตอนเราเด็กๆ ก็จะมีแบบว่า คบกัน บางคนไม่เข้าใจหรอกว่าเรามีภาระครอบครัวทั้งน้อง และหลาน จุ๊บส่งเสียน้องเรียนจบปริญญาตรีครบทั้ง 5 คนล่าสุดรวมถึงหลานสาวที่เป็นลูกของน้องชายที่เสียชีวิตไป เราก็ส่งเสียให้เขาเรียนจนจบปริญญาตรี พอหลานเรียนจบ จุ๊บก็อาจจะแต่งงานประมาณสิ้นปีนี้แหละค่ะ เพราะคนที่เราคบอยู่ก็คบกันมานานแล้วนะ เกือบ 21 ปี เขาทำงานเบื้องหลังนี่แหละค่ะ เขาก็รอเรามาตลอด ไม่ได้เร่งรีบอะไร คิดว่าถ้าทุกอย่างลงตัว ก็คงทำพิธีง่ายๆ ให้ผู้ใหญ่รับรู้ มีพิธีเช้า เลี้ยงเพื่อนๆ พอแล้วล่ะ เพราะเราเป็นคนขี้เกรงใจไง กลัวดูแลแขกที่มาไม่ทั่วถึง แล้วพอแต่งเสร็จถามว่ามีทายาทไหม ไม่มีค่ะ เพราะเลี้ยงน้อง เลี้ยงหลานมาเยอะแล้ว อยากจะแบบว่าแก่ๆ แล้วไปเที่ยวโน่นนั่นนี่ตามประสา ส่วนละครถ้ามีคนจ้างก็ยังเล่นค่ะ
ไลฟ์สไตล์ส่วนตัว
เป็นคนชอบเที่ยวเชิงบุญค่ะ ไปไหว้พระบ่อยมาก ถ้ามีโอกาสก็จะไปไหว้พระที่พม่า ปีหนึ่งก็หลายครั้งค่ะ ปีนี้ก็ไปที่มัณฑะเลย์ พระธาตุอินแขวน หรืออย่างไปฮ่องกงก็ไปไหว้ครบที่สำคัญๆ และในทุกๆ เดือนก็จะไปเติมน้ำมันตะเกียง ปฏิบัติธรรม ก็จะเป็นอย่างนี้ คือเหมือนเรามาถึงจุดๆ หนึ่งไม่มีใครมาอยู่กับเราจนตาย เราก็ต้องอยู่กับตัวเองให้ได้ แล้วจุ๊บก็เป็นคนที่ทำอะไรด้วยตัวเองได้ ไปไหนด้วยตัวเองคนเดียวได้ เพราะว่าตอนเราเข้าวงการบันเทิงมาแรกๆ ไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ มาคอยตามเราที่กองถ่ายนะ เราไม่มีผู้จัดการส่วนตัว ดูแลตัวเอง จัดคิวเอง คุยงานเองทำเองทุกอย่าง เรามีความรู้สึกว่าเราช่วยเหลือตัวเองมาตลอด เราก็เลยแบบว่าอะไรที่เราทำเองได้เราก็ทำ
ฝากผลงานเรื่องต่อไป
มี “ปี่แก้วนางหงส์, ด้วยแรงอธิฐาน, วัยแสบสาแหรกขาด 2” ทางช่อง 3 แล้วก็รับทำเสื้อผ้าคอสตูมเหมือนเดิม อีเว้นงานจ้างพิธีกรต่างๆ รับหมดค่ะ แต่ช่วงนี้อาจจะมีลูกค้ามาซื้อสปอนเซอร์รายการเราเยอะขึ้นเพราะเห็นเราจากละคร ก็ส่งผลให้เรามีงานเพิ่มขึ้นนิดหนึ่งค่ะ (ยิ้ม)
อย่าทำงานเพลินจนลืมแบ่งเวลาเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวนะคะ “ทีมข่าวบันเทิงแนวหน้า” ขอแสดงความยินดีล่วงหน้าค่ะ
กุหลาบสีเงิน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี