สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ว่า กระทรวงต่างประเทศอียิปต์ได้ประกาศเตือนให้พลเมืองชาวอียิปต์ทุกคนที่อาศัยอยู่ในกรุงตริโปลีและเมืองเบงกาซีอพยพออกจากพื้นที่โดยทันทีและระมัดระวังตนเอง โดยแนะนำให้หาที่ปลอดภัยในลิเบียหรือเดินทางไปยังพรมแดนลิเบีย-ตูนิเซีย นอกจากนี้ เหตุยิงถล่มขบวนรถของสถานทูตอังกฤษเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมายังส่งผลให้อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี และเนเธอร์แลนด์ประกาศเตือนให้พลเมืองเดินทางออกจากลิเบียเช่นเดียวกับเบลเยียม มอลตา สเปน และตุรกีที่ได้ประกาศเตือนพลเมืองไปก่อนหน้านี้ ส่วนสหรัฐฯ ได้อพยพเจ้าหน้าที่ออกจากสถานทูตในลิเบียแล้ว และระงับกิจกรรมทางการทูตในสถานทูต เนื่องจากเสี่ยงได้รับอันตรายจากการต่อสู้ระหว่างกลุ่มติดอาวุธเพื่อแย่งชิงกันควบคุมสนามบินนานาชาติในกรุงตริโปลี
ตายพุ่งเกือบ100เจ็บกว่า400
กระทรวงสาธารณสุขลิเบียเปิดเผยว่า เหตุรุนแรงจากการต่อสู้ระหว่างกลุ่มติดอาวุธยืดเยื้อมานาน 2 สัปดาห์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 97 คน บาดเจ็บอีกกว่า 400 คน ขณะที่บริษัทน้ำมันแห่งชาติของทางการลิเบียประกาศเตือนว่ามีความเสี่ยงเกิดระเบิดระลอกใหญ่ที่อาจสร้างความเสียหายในพื้นที่รัศมี 3-5 กม. หลังจากถังน้ำมัน 6 ล้านลิตรถูกยิงถล่มด้วยจรวดและเกิดไฟลุกท่วมในพื้นที่ทางตอนใต้ของกรุงตริโปลี กระทรวงก๊าซและน้ำมันของลิเบียประกาศเตือนบนเฟซบุ๊กให้ประชาชนอพยพออกจากพื้นที่โดยทันที ขณะที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงพยายามเต็มที่จนกระทั่งน้ำดับเพลิงหมด หนทางเดียวที่เหลืออยู่คือ การดับเพลิงทางอากาศ ด้านรัฐบาลลิเบียแจ้งว่า หลายประเทศอาสาส่งเครื่องบินมาช่วยดับเพลิงแล้วตามที่รัฐบาลร้องขอ
“ประยุทธ์”สั่งกต.ดูแลคนไทย
ทางด้าน นายณัฏฐวุฒิ โพธิสาโร รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า หลังสถานการณ์ตึงเครียด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)มีคำสั่งให้เร่งช่วยเหลือคนไทยในลิเบีย มีประมาณ 1,500 คน ออกจากลิเบีย เพื่อความปลอดภัย โดยที่ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ อยู่ระหว่างการเข้าร่วมประชุมระดับรัฐมนตรีลุ่มแม่น้ำโขง-เกาหลี ที่สาธารณรัฐเกาหลี ได้สั่งให้เร่งประชุมโดยด่วน
เร่งอพยพ1,500คนไทยกลับบ้าน
นายณัฏฐวุฒิ กล่าวอีกว่า นายกิตติพงษ์ ณ ระนอง เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงตริโปลี ประเทศลิเบีย ได้ประเมินสถานการณ์ล่าสุดว่า มีความรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม พร้อมกับรายงานสถานการณ์ว่า พื้นที่สุ่มเสี่ยงต่อการเสียชีวิตอันดับแรกคือบริเวณกรุงตริโปลี ซึ่งมีนักศึกษาไทย 11 คน และคนไทยที่อยู่โดยรอบสนามบินที่ถูกปิดอีก 30 คน จะอพยพออกมาเป็นชุดแรก และชุดที่สองคือกลุ่มคนไทยที่อยู่เบงกาซี 70 คน จากนั้นจะอพยพที่เหลือรวม 1,500 คนออกมาทั้งหมด ภายใน 48 ชม. ไปพักที่กรุงตูนิส และเมืองเจอร์บ้า ของประเทศตูนีเซีย อยู่ห่างจากชายแดนลิเบีย 150 กม. ก่อนที่จะอพยพกลับไทยทั้งหมด เพราะประเมินแล้วว่า จะรุนแรงและอาจจะยืดเยื้อยาวนาน โดยจะมีเจ้าหน้าที่จากกระทรวงการต่างประเทศ 4 คน กรมการจัดหางาน 2 คน และคณะแพทย์ทหารจากกองทัพ 2 คน รวม 8 คน คอยประสานงานและให้การช่วยเหลือ
30ก.ค.นัดหารือมาตรการช่วย
นายณัฏฐวุฒิ กล่าวว่า ส่วนจะปิดสถานทูตไทยในลิเบียหรือไม่นั้น จะต้องประเมินสถานการณ์จนกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย อย่างไรก็ตามขณะนี้ได้อพยพครอบครัวเจ้าหน้าที่สถานทูตไทยในลิเบียออกมา ส่วนในวันพุธที่ 30 กรกฎาคมนี้ อธิบดีกรมการจัดหางานจะประชุมร่วมกับนายจ้าง บริษัทจัดหางานที่ส่งคนงานไทยไปทำงานในลิเบีย 11 บริษัท เพื่อหามาตรการช่วยเหลือแรงงานด้วย ขณะเดียวกันฝ่ายอำนวยการจะมีการประชุมประเมินสถานการณ์เป็นระยะและคอยประสานญาติคนไทยในลิเบีย อย่างไรก็ตาม ในเวลา 9.00 น. วันที่ 29 กรกฎาคม ศูนย์ปฏิบัติการที่กรมเอเชียใต้ จะเริ่มทำงานอย่างเป็นทางการ เพื่อประสานงานให้การช่วยเหลือคนไทยในลิเบีย
ศพเหยื่ออิสราเอลถึงสุวรรณภูมิ
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 15.30 น. ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการรับศพ นายนรากร กิตติยังกุล แรงงานไทย ที่เสียชีวิตเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล ว่า ศพของนายนรากร ได้มาถึงศูนย์รับส่งสินค้าเร่งด่วน ภายในสนามบินสุวรรณภูมิ โดยเครื่องบินสายการบินอิสราเอลแอร์ไลน์ เที่ยวบิน LY081 มีนายวินัย รุ่งโรจน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน ตัวแทนปลัดกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นายสิงหเดช ชูอำนาจ ผู้ตรวจราชการ กรมการจัดหางาน เดินทางมารอรับศพ พร้อมทั้งได้มอบเช็คเงินสดจำนวน 40,000 บาท ให้แก่นางวันเพ็ญ ยาอุด พี่สาวของนายนรากร สำหรับพิธีศพของนายนรากรจะจัดพิธีศพแบบชาวเขาเผ่าม้ง และจะมีพิธีฝังศพในวันที่ 31 กรกฎาคม
หลายฝ่ายให้การช่วยเหลือ
นายวินัย รุ่งวิโรจน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ทางกรมการจัดหางาน (กกจ.) ได้มอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว 40,000 บาท และครอบครัวของนายนรากรจะได้รับเงิน ค่าจ้างที่ค้างจ่าย จำนวน 15 วัน เป็นเงิน 24,000 บาท รวมถึงมอบเงินกรณีที่ไปทำงานที่อิสราเอลไม่ถึง 1 ปี ทั้งนี้ทางการอิสราเอลจะคืนเงินค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้ 60 % หรือคิดเป็นเงิน 44,000 บาท ขณะที่ทางกรมการจัดหางานและนายจ้างชาวอิสราเอล จะมอบเงินช่วยเหลือ 60,000 บาท นอกจากนี้ทางการอิสราเอล จะมอบเงินช่วยเหลือ 40,000-50,000 บาท และหากนายนรากร มีบุตร หรือน้องร่วมสายเลือดที่ยังอายุไม่ถึง 21 ปี ทางอิสราเอลจะมอบเงินช่วยเหลือดูแลเดือนละ 10,000 บาทต่อคน จนกว่าจะมีอายุครบ 21 ปี
อพยพแรงงานพ้นฉนวนกาซา
นายวินัย ชี้แจงถึงการช่วยเหลือแรงงานไทยที่ยังอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยในประเทศอิสราเอล ว่า ขณะนี้ยังคงอยู่ระหว่างการประสานงานให้อพยพแรงงานไทยจำนวน 500 คน ออกจากพื้นที่ในระยะ 20 กม. จากฉนวนกาซา มาอยู่ในที่ปลอดภัย พร้อมทั้งยังมีการขอความร่วมมือจากนายจ้างให้เคลื่อนแรงงานออกจากพื้นที่ ไปยังสถานที่ที่ปลอดภัยด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี