พบชิ้นส่วนต้องสงสัย MH370
ซิดนีย์ - นายดาร์เรน เชสเตอร์ รัฐมนตรีคมนาคมออสเตรเลีย กล่าวว่า พบชิ้นส่วนอีก 3 ชิ้น ที่มอริเชียส และโมซัมบิก ที่อาจเป็นของเครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์สเที่ยวบิน MH370 ที่หายไปเมื่อเดือนมีนาคม 2557 หลังนำผู้โดยสารและลูกเรือรวม 239 คน เดินทางออกจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ของมาเลเซีย แต่ไม่ไปถึงจุดหมายที่กรุงปักกิ่ง ของจีน ทางการมาเลเซีย ซึ่งรับหน้าที่เก็บรวมรวมหลักฐานจะจัดการนำชิ้นส่วนเหล่านี้ ส่งมาให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบที่ออสเตรเลียต่อไป ก่อนหน้านี้มีการพบชิ้นส่วน 5 ชิ้น ห่างจากพื้นที่เป้าหมายการค้นหานอกชายฝั่งตะวันตกของออสเตรเลีย ไปหลายพันกิโลเมตร ทั้งหมดถูกระบุว่าเป็นหรืออาจเป็นของเที่ยวบิน MH370 ส่วนปฏิบัติการค้นหาในมหาสมุทรอินเดีย จนถึงขณะนี้ค้นหาไปแล้วกว่า 105,000 ตารางกิโลเมตร จากเป้าหมายทั้งหมด 120,000 ตารางกิโลเมตร และยังไม่พบเบาะแสใดๆ สำนักงานความปลอดภัยคมนาคมออสเตรเลีย ในฐานะแกนนำปฏิบัติการค้นหาเผยเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า หากค้นหาครบพื้นที่เป้าหมายแล้วยังไม่พบอะไรก็อาจจะยุติปฏิบัติการในเดือนสิงหาคม
อนามัยโลกเห็นพ้องปฏิรูป
เจนีวา - ประเทศสมาชิกองค์การอนามัยโลก หรือ WHO ตกลงเห็นพ้องแผนปฏิรูปองค์กรเพื่อรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ หลังจากก่อนหน้านี้องค์การอนามัยโลกเผชิญเสียงวิจารณ์ตำหนิที่ปล่อยเวลาไว้นานหลายเดือนก่อนที่จะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินรับมือไวรัสอีโบลา ในแอฟริกาตะวันตก ซึ่งองค์การอนามัยโลกจะได้ปฏิรูปแนวทางเพื่อรับมือกับโรคระบาดและสถานการณ์เร่งด่วนด้านสาธารณสุขให้ดีขึ้น แถลงการณ์องค์การอนามัยโลก ระบุว่า ประเทศสมาชิกตกลงกันในขั้นพื้นฐานเพื่อหามาตรการใหม่ในการจัดการได้อย่างรวดเร็ว การป้องกันล่วงหน้า ความร่วมมือสนับสนุนในท้องถิ่นและประเทศต่างๆ รวมทั้งแผนฟื้นฟูจากภัยสาธารณสุข ทั้งโรคระบาดที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ หรือจากคน และความขัดแย้งต่างๆ ตามแผนปฏิรูปองค์การอนามัยโลก ในการประชุมที่นครเจนีวา สัปดาห์นี้ ผู้แทนประเทศสมาชิกได้อนุมัติงบประมาณตามโครงการเพิ่มเติม 160 ล้านดอลลาร์ สำหรับสถานการณ์ฉุกเฉินระหว่างปี 2559-2560 ซึ่งจะมีงบรวม 494 ล้านดอลลาร์ ในปีการเงิน 2559-2560
ติงโทษประหารอินโด
จาการ์ตา - นักเคลื่อนไหวระบุว่า การที่ทางการเริ่มใช้โทษประหารชีวิตและฉีดสารเคมีลดความต้องการทางเพศจะไม่ช่วยแก้ปัญหาล่วงละเมิดทางเพศเด็ก นักรณรงค์สิทธิคนรักเพศเดียวกันในอินโดนีเซีย กล่าวว่า เป็นเพียงการล้างแค้นที่แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลตื่นตระหนกและไม่เข้าใจเรื่องเหตุรุนแรงทางเพศอย่างแท้จริง ขณะที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า คัดค้านการประหารชีวิตและไม่คิดว่าการฉีดสารเคมีลดความต้องการทางเพศจะแก้ปัญหาได้ ด้าน สส.พรรคร่วมรัฐบาล กล่าวว่า
การฉีดสารเคมีลดความต้องการทางเพศจะช่วยป้องกันการกระทำผิดทางเพศซ้ำอีก และไม่ถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน เพราะผู้กระทำผิดจะต้องผ่านกระบวนการทางกฎหมายก่อนถูกลงโทษ ขณะที่ผู้ใช้ทวิตเตอร์คนหนึ่ง ถามกลับผู้ที่แย้งว่าการประหารชีวิตและฉีดสารเคมีลดความต้องการทางเพศเป็นเรื่องละเมิดสิทธิมนุษยชนว่า การข่มขืนและฆาตกรรมไม่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรืออย่างไร ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ของอินโดนีเซีย ลงนามในคำสั่งเมื่อวานนี้ให้ใช้บทลงโทษดังกล่าว และติดอุปกรณ์ติดตามพฤติกรรมผู้กระทำผิดหลังได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี