20 เม.ย. 2561 จากกรณีกรมราชทัณฑ์ของประเทศไทย เปิดเผยเมื่อ 18 มิ.ย. 2561 ว่าได้ประหารชีวิตนายธีรศักดิ์ หลงจิ อายุ 26 ปี คนร้ายที่ก่อเหตุใช้อาวุธมีดแทงผู้อื่นถึง 24 แผลจนเสียชีวิตเพื่อชิงทรัพย์สินเป็นโทรศัพท์มือถือและกระเป๋าเงิน โดยเหตุเกิดตั้งแต่เมื่อ 17 ก.ค. 2555 ศาลชั้นต้น พิพากษาประหารชีวิตศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกาพิพากษายืนเป็นผลให้คดีถึงที่สุด ซึ่งถือเป็นการประหารชีวิตครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2552 เรื่องนี้ได้รับความสนใจไม่เพียงแต่สังคมไทยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสื่อต่างชาติหลายสำนักนำเสนอข่าวนี้เช่นกัน
อาทิ สำนักข่าว Channel NewsAsia ของสิงคโปร์ และเว็บไซต์ นสพ. Daily Star ของเลบานอน ชูความเห็นของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่กล่าวถึงโทษประหารชีวิตว่าประชาชนไทยส่วนใหญ่ยังเห็นควรให้มีอยู่ และการมีโทษประหารก็เพื่อทำให้บ้านเมืองสงบสุข ขึ้นเป็นประเด็นหลักในข่าว
พร้อมระบุว่า การเดินทางไปเยือนอังกฤษและฝรั่งเศสในเร็วๆ นี้ ของ พล.อ.ประยุทธ์ อาจต้องเผชิญกับคำถามที่น่าอึดอัดใจเกี่ยวกับการใช้โทษประหารในประเทศไทย รวมถึงอ้างรายงานขององค์กรแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ที่ระบุว่า ข้อมูลจากกระทรวงยุติธรรมของไทย ณ สิ้นปี 2560 มีนักโทษรอการประหาร 510 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้หญิง 94 คน และมีข้อสังเกตว่าหลายคนต้องโทษประหารเพราะเกี่ยวข้องกับยาเสพติด
นอกจากนี้ รายงานของสำนักข่าวทั้ง 2 ยังกล่าวด้วยว่า กระบวนการยุติธรรมของไทยถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความล่าช้าในกรณีเป็นคดีของคนใหญ่โตมั่งมี แต่รวดเร็วสำหรับคดีของคนฐานะไม่ค่อยดี โดยยกตัวอย่างคดีฆาตกรรมและล่วงละเมิดทางเพศนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ที่เกาะเต่า เมื่อปี 2557 และในปี 2558 ผู้ต้องหาที่เป็นแรงงานชาวเมียนมาถูกตัดสินประหารชีวิต ท่ามกลางข้อกังขาในการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานของตำรวจ
ขณะที่สำนักข่าว SBS NEWS ของออสเตรเลีย อ้างถึงคำกล่าวของ พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ผู้เปิดเผยการประหารนักโทษรายดังกล่าว ซึ่งให้ความเห็นว่า หวังว่าการประหารชีวิตในครั้งนี้ จะเป็นอุทาหรณ์ให้ผู้ที่คิดจะก่ออาชญากรรมร้ายแรงหรือกระทำผิดกฎหมายได้ยั้งคิด โดยนับตั้งแต่ปี 2478 จนถึงปัจจุบัน มีการบังคับโทษประหารชีวิตมาแล้ว จำนวน 325 ราย
ด้านสำนักข่าว US News ของสหรัฐอเมริกา นอกจากจะอ้างคำกล่าวของ แคทเธอรีน เกอร์สัน เจ้าหน้าที่ฝ่ายรณรงค์ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ที่ระบุว่า ประเทศไทยได้ละทิ้งหนทางที่นำไปสู่การยกเลิกโทษประหารชีวิตที่เป็นกระแสโลกในปัจจุบัน ทั้งที่มีไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่าโทษประหารมีผลลดจำนวนอาชญากรรมแต่อย่างใด แล้วยังระบุว่าด้วยไทยเป็น 1 ในชาติที่มีนักโทษแออัดในเรือนจำมากที่สุดของทวีปเอเชีย และรัฐบาลไทยหลายยุคสมัยที่ผ่านมาแก้ไขเรื่องดังกล่าวได้น้อยมาก
ขอบคุณ : channelnewsasia
sbs
dailystar
usnews
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี