นานาชาติระดมค้นหาโบอิ้ง
พบกัปตันเปิดใช้โทรศัพท์
ติดต่อหญิงลึกลับก่อนบิน
ตร.มาเลเซียเรียกเมียสอบ
เมื่อวันที่ 23 มีนาคม สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ว่า พื้นที่ห่างไกลในเขตมหาสมุทรอินเดียตอนใต้ ห่างจากเมืองเพิร์ธ ประเทศออสเตรเลีย ไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ 2,500 กิโลเมตร ซึ่งเป็นจุดที่มีการค้นหาเครื่องโบอิ้ง 777-200 สายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ เอ็มเอช 370 พร้อมผู้โดยสารและลูกเรือ 239 คน ที่สูญหายไปจากจอเรดาร์ ระหว่างเดินทางจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ มุ่งหน้าสู่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา โดยมีภาพถ่ายดาวเทียมปรากฎชิ้นส่วนต้องสงสัย ว่าเป็นเครื่องบินลำดังกล่าวแต่ก็ยังคว้าน้ำเหลว
ทั้งนี้ องค์การความปลอดภัยทางทะเล ออสเตรเลีย ได้ประสานการค้นหาเครื่องบินในพื้นที่ชายฝั่งตะวันตก โดยกำหนดพื้นที่ค้นหาใหม่อีกครั้ง ซึ่งอาศัยข้อมูลจากดาวเทียมของจีน ที่เผยให้เห็นภาพวัตถุขนาดยาว 22 เมตร กว้าง 13 เมตร โดยจุดที่พบอยู่ในการค้นหาเมื่อวันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา แต่ยังไม่เห็น ดังนั้นจึงมีการระดมเครื่งบิน 8 ลำ แยกเป็น 2 ส่วน ค้นหาในพื้นที่ประมาณ 59,000 ตารางกิโลเมตร เน้นการค้นหาวัตถุที่ลอยอยู่เหนือน้ำ
นายฮอง เหล่ย โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน แถลงว่า ประเทศจีน หวังว่าข้อมูลนี้จะช่วยในการค้นหาและภารกิจกู้ภัยได้
ส่วนที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน มีรายงานข่าวว่า เครื่องบินกองทัพจีน 2 ลำ ได้เดินทางถึงเมืองเพิร์ธ ประเทศออสเตรเลีย เพื่อร่วมกับนานาชาติในภารกิจค้นหาเครื่องบินโบอิ้งที่สูญหายลำนี้แล้ว โดยพื้นที่การค้นหากว้างใหญ่ของมหาสมุทรอินเดียทางตอนใต้ มีการค้นหาเป็นเวลา 4 วันแล้ว แต่หลังจากมีภาพถ่ายดาวเทียมที่เป้าวัตถุลอยน้ำ การค้นหาจึงยังมีความหวังว่าจะพบในพื้นที่ดังกล่าว
ด้าน นายโทนี่ แอบบ็อตต์ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย เปิดเผยว่า ได้ข้อมูลเบาะแสที่น่าเชื่อถือจำนวนหนึ่ง ซึ่งทำให้มีความหวังมากขึ้นเพราะเราอาจกำลังอยู่บนเส้นทางของการค้นพบสิ่งที่เกิดขึ้นกับเครื่องบินโดยสารลำนี้
ขณะที่ นายฮิชามมุดดิน ฮุสเซน รัฐมนตรีกลาโหม มาเลเซีย กล่าวว่า ได้ขอให้โบสถ์ทั่วประเทศช่วยกันสวดมนต์ขอพรให้ผู้โดยสารและลูกเรือบนเครื่องบินลำดังกล่าว นอกจากนี้ก็มีชาวมาเลเซีย ราว 300 คน ขี่จักรยานไปยังสนามบินกรุงกัวลาลัมเปอร์ เพื่อรำลึกถึงผู้โดยสารและลูกเรือโดยตกแต่งจักรยานด้วยสีธงชาติและติดสติ๊กเกอร์ข้อความให้ช่วยสวดมนต์ขอพร
รายงานข่าวระบุด้วยว่า เครื่องบิน 7 ลำ ได้บินจากฐานทัพอากาศใกล้เมืองเพิร์ธ ประเทศออสเตรเลีย ไปยังจุดที่เข้าร่วมการค้นหาเครื่องโบอิ้งลำนี้ โดยมีกระแสลมแรงใช้เวลาบิน 4 ชั่วโมง โดยมีอีก 1ลำ ที่จะบินตามไปสมทบในภายหลัง ขณะเดียวกัน มีเรือส่งกำลังบำรุงเอชเอเอ็มเอส ซัคเซสส์ของกองทัพเรือออสเตรเลีย เข้าร่วมภารกิจค้นหาด้วย แต่แนวปะทะอากาศเย็นจะเคลื่อนตัวเข้าสู่พื้นที่การค้นหาส่งผลให้เกิดเมฆและลมที่อาจเป็นอุปสรรคการค้นหา
วันเดียวกัน เมลออนไลน์ ซันเดย์ สื่อประเทศอังกฤษ เปิดเผยว่า ขณะนี้ตำรวจมาเลเซีย พบเงื่อนงำเกี่ยวกับกัปตันซาฮารี อะหมัด ชาห์ นักบินที่ 1 ของเครื่องบินลำดังกล่าวที่สูญหาย โดยพบว่านายซาฮารี ได้รับโทรศัพท์เป็นเวลา 2 นาที ก่อนเครื่องจะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า โดยคู่สายเป็นผู้หญิงไม่ทราบชื่อ ใช้เอกสารปลอมในการซื้อซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือแบบพรีเพด จึงมีความกังวลเพิ่มขึ้นว่าอาจเกี่ยวโยงกับการก่อการร้าย โดยทางการมาเลเซีย จะเริ่มสอบปากคำ นางไฟซาห์ ข่าน ภรรยาของกัปตันรายนี้อย่างละเอียด ซึ่งจะเริ่มสอบปากคำอย่างเป็นทางการในเร็ววันนี้
ส่วนข้อมูลของคนทั้งสองที่พบคือทั้งสองมีบุตรด้วยกัน 3 คน แม้จะแยกกันอยู่ แต่ก็ยังอาศัยอยู่ในบ้านพักหลังเดียวกัน ซึ่งแหล่งข่าวชาวมาเลเซีย เปิดเผยว่า นางไปซาห์ ได้รับการติดต่อพูดคุยอย่างสุภาพจากตำรวจมาเลเซีย แต่เธอยังไม่ได้ให้ปากคำอย่างจริงจัง เพื่อการหาข้อมูลพฤติกรรมของสามีเธอ และสิ่งที่สามีเธอกังวล หรือมีการพูดถึงก่อนจะขึ้นบิน
นอกจากนี้ ช่วงเวลาการโทรศัพท์จากหญิงสาวลึกลับถึงนายซาฮารี ก่อนเครื่องจะขึ้นบินเป็นสิ่งที่ฝ่ายสืบสวนต้องการทราบว่านักบินในห้องบินของเครื่องลำนี้ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตกของเครื่องหรือการจี้เครื่องบินที่เป็นสาเหตุของการสูญหายไปของเครื่องบินหรือไม่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี