เราอาจไม่คุ้นหน้าคุ้นตาหญิงสาวคนนี้ในวงสังคมเท่าไหร่นัก แต่โปรไฟล์ของเธอไม่เป็นสองรองใคร สำหรับสาวแพร่ “เกรซ ล้อบุณยารักษ์”กรรมการผู้จัดการ โครงการอมันตรา เชียงราย วัย 33 ปี ที่ตัดสินใจสร้างโอกาสให้กับชีวิตตัวเองตั้งแต่อายุ 23 ปี จนประสบความสำเร็จในฐานะนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ด้วยโครงการหมู่บ้านจัดสรร อาคารพาณิชย์ในพื้นที่ภาคเหนือ รวมถึงโรงแรมขนาดเล็กในกรุงเทพฯ ล่าสุดเธอเพิ่งเริ่มธุรกิจใหม่กับการสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพ Relive
“ครอบครัวมีธุรกิจผลิตเส้นจันท์ส่งออกมา 40 ปีตัวเองก็เรียนจบด้านวิทยาศาสตร์การอาหาร เพื่อที่จะช่วยดูแลธุรกิจของครอบครัว แต่พอมาทำจริงๆ รู้สึกว่ามันไม่ใช่ ธุรกิจครอบครัวมันจะมีคำว่า “กงสี” ตามมา มีพี่น้อง5 คน ในความคิดคือ สุดท้ายเราไม่อยากที่จะรอทุกอย่างจากกงสี แต่อยากจะทำธุรกิจที่เป็นของตัวเองจริงๆก็สนใจเรื่องอสังหาริมทรัพย์ เพราะคุณพ่อก็ทำอยู่ ย้อนกลับไป 10 ปีที่แล้วหมู่บ้านจัดสรรในต่างจังหวัดยังขายไม่ยาก แบรนด์ก็ยังไม่เข้า เราก็ไม่ค่อยมีคู่แข่ง ที่สำคัญคือ การมองเกมในเรื่องของโลเกชั่นที่เราจะทำ โครงการแรกคือ อมันตรา เชียงราย อยู่ตรงกันข้ามราชภัฏเชียงราย เริ่มทำจากไม่กี่ยูนิต 40-50 หลัง บนเนื้อที่ 6 ไร่ เราก็ขายได้หมด แล้วก็ขยายโครงการทุกปี ปีละ 150 ยูนิต 10 ปีผ่านมาตอนนี้อยู่ที่ 200 กว่าไร่ นอกจากที่เชียงราย ก็มีที่จังหวัดเชียงใหม่ และยังมีที่ดินอีกหลายแห่งในภาคเหนือที่กำลังจะพัฒนาเป็นโครงการต่างๆ”
เรียกว่าระหว่างเส้นทาง 10 ปี ในการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่เริ่มต้นด้วยตัวเอง โดยไม่มีพื้นฐานทางธุรกิจ ทำให้เธอต้องเรียนรู้อะไรมากมายด้วยตัวเอง จนกลายเป็นนักธุรกิจหญิงที่แข็งแกร่งและกล้าเผชิญกับทุกปัญหาที่รออยู่ข้างหน้า
เคล็ดลับความสำเร็จในการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เกรซบอกว่า “ตลอด 10 ปีที่ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เกรซไม่ได้ทำธุรกิจแบบใจใหญ่ แต่อาศัยว่าเราทำเพราะเราเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคว่าเขาต้องการบ้านแบบไหน ราคา ทำเลตรงไหน เพราะลูกค้าส่วนใหญ่คือ คนในพื้นที่ที่ซื้อไว้เพื่อการอยู่อาศัยมากกว่าเก็งกำไร แต่ละโครงการเราทำทีละน้อยๆ ขายหมด เราก็เอากำไรไปขยายโครงการต่อ หรือไปซื้อที่ดินเก็บไว้ แล้วก็ดูว่าสถานการณ์บ้านและที่ดินในแต่ละปีเป็นอย่างไร ควรจะสร้างโครงการหรือไม่ มันก็เลยทำให้เราไม่ค่อยได้รับผลกระทบหรือเจ็บมากนักเวลาที่เศรษฐกิจไม่ดี อีกอย่างคือ เราจะไม่ลงทุนนอกพื้นที่ เพราะเราจะไม่เข้าใจถึงวัฒนธรรมการอยู่อาศัยของคนต่างถิ่น ถ้าเราลงทุนไปโอกาสที่จะได้กำไรมีน้อยมาก”
สำหรับแนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วงปีสองปีนี้ นักธุรกิจสาว บอกว่า ยังไม่โตไปมากกว่านี้ และไม่เหมาะกับการลงทุนขนาดใหญ่มากนัก ต้องรอระยะให้ธุรกิจกลับมาฟื้นตัว ซึ่งเธอก็ไม่ปล่อยเวลาให้เลยผ่าน ในช่วงพักกับการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ ก็หันมาจับอีกหนึ่งธุรกิจที่ได้แรงบันดาลใจจากคนใกล้ตัว กับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพแบรนด์ Relive ที่ช่วยดูแลด้านภูมิคุ้มกันของร่างกาย และต้านอนุมูลอิสระ
“คุณพ่อป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ชนิดที่ว่าครอบครัวเราเสียเงินค่ารักษาพยาบาลคุณพ่อไปเยอะมาก แต่คุณพ่อไม่ดีขึ้น ท่านอาการหนักถึงขนาดที่อาจจะเสียชีวิตได้ เราก็พยายามรักษาแพทย์แผนปัจจุบันทุกทาง แต่ในที่สุดเราก็ลองหันมาใช้วิธีการอาหารบำบัด ธรรมชาติบำบัด จนคุณพ่ออาการดีขึ้นและหายกลับมาเป็นปกติ ซึ่งเกรซได้นำประสบการณ์ในการดูแลรักษาคุณพ่อ มาเขียนพอคเกตบุคชื่อ “กินกันตาย” เพื่ออยากจะเผยแพร่ความรู้ตรงนี้สำหรับผู้ต้องเผชิญโรคเดียวกับคุณพ่อว่ามันยังมีทางเลือก เพียงแต่เรารู้จักเลือกกิน กินอย่างไรถึงจะเป็นยารักษาโรค จากตรงนี้เองเลยจุดประกายให้เกรซหันมาทำธุรกิจผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ซึ่งปัจจุบันคนเราให้ความสำคัญในการดูแลสุขภาพมากขึ้น”
แม้จะมีธุรกิจที่ต้องดูแล ไม่ว่าจะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และยังช่วยดูแลธุรกิจผลิตเส้นจันท์ของครอบครัว เรียกว่าทำงาน 7 วัน ต่อสัปดาห์ แต่เธอก็ยังมีเวลาที่ทำประโยชน์ให้แก่สังคมผ่านโครงการ “เดอะกิฟเวอร์ โปรเจ็คต์ (The Giver Project)” ขึ้น
“เกรซมองว่าตัวเองมีโอกาสที่ดีแล้ว ประสบความสำเร็จระดับหนึ่งของชีวิตในอายุเท่านี้ เมื่อเรามีพอที่จะแบ่งปันให้คนอื่นที่เขาต้องการได้ ก็อยากจะทำ สำหรับกิจกรรมแรกที่ทำจะเป็นการหารายได้มอบให้กับวัดพระบาทน้ำพุ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เป็นความหวังสุดท้ายของผู้ป่วยที่ติดเชื้อ HIV/AIDS ในแต่ละเดือนมีค่าใช้จ่ายในการดูแลผู้ป่วยสูงมาก และเป็นเงินที่ได้มาจากการรับบริจาค เกรซมีโอกาสได้กราบนมัสการคุยกับหลวงพ่ออลงกต ซึ่งท่านเป็นพระ ท่านก็ไม่มีรายได้อะไร แต่ท่านมีใจเมตตาต่อผู้ป่วย ซึ่งเกรซคิดว่าเราพอจะช่วยได้ก็เลยตัดสินใจทำโครงการนี้ขึ้น”
โครงการ “เดอะกิฟเวอร์ โปรเจ็คต์ (The GiverProject)” ภายใต้หัวข้อ “จุดเริ่มต้นแนวคิด เส้นทางชีวิตมหัศจรรย์ ตอน Giving is Grace” ทอล์กโชว์การกุศลเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ ที่ได้รับเกียรติจาก 12 คนดังหลากวงการ จะมาร่วมพูดคุยให้ทุกคนมีกำลังใจ และส่งต่อกำลังใจให้แก่ผู้กำลังอ่อนล้า อาทิ ดีเจพี่อ้อย-นภาพรไตรวิทย์วารีกุล, มาดามมด, แม่นุ่น ไอดอลนักสู้มะเร็งด้วยความรักจากครอบครัว, ทูนหัวของบ่าว และอีกมากมายในวันเสาร์ที่ 16 มกราคม 2559 ณ โรงละครเคแบงค์สยามพิฆเนศ ชั้น 7 สยามสแควร์วัน บัตรราคา 2,500บาททุกที่นั่ง รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายมอบให้วัดพระบาทน้ำพุ
“นอกจากรายได้จากการจัดทอล์กโชว์การกุศลแล้ว เดอะกิฟเวอร์ โปรเจ็คต์ ยังร่วมสมทบทุนอีก 1 ล้านบาท เพื่อมอบให้กับวัดพระบาทน้ำพุ เกรซอยากให้โครงการนี้เป็นการจุดประกายเล็กๆ ให้กับทุกคนในสังคมว่า ไม่ว่าเราจะมีมากมีน้อย เราสามารถเป็นผู้ให้ได้ ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการแรกของเกรซจึงตั้งใจทำเล็กๆ ก่อน อีกอย่างตัวเกรซเองไม่ใช่คนดัง แต่ก็มีเพื่อนที่เป็นเซเลบริตี้ พอเขารู้ว่าเราจะทำเขาก็ช่วยเต็มที่ อย่างสปีคเกอร์ที่ขึ้นพูดบนเวทีแต่ล่ะท่านก็น่ารักมากไม่คิดค่าตัวเลย รวมถึงไทยทิคเก็ตเมเจอร์ ก็เป็นตัวแทนจำหน่ายบัตรโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเช่นกัน ต้องขอบคุณทุกๆ ท่านที่มาช่วยกัน”
ผู้สนใจอยากเป็นหนึ่งใน “ผู้ให้” ร่วมกับ “เดอะกิฟเวอร์ โปรเจ็คต์ (The Giver Project)” สามารถซื้อบัตรชมทอล์กโชว์การกุศล “จุดเริ่มต้นแนวคิด เส้นทางชีวิตมหัศจรรย์ ตอน Giving is Grace” ได้ที่ ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ ทุกสาขา หรือ www.thaiticketmajor.com หรือร่วมบริจาคและติดตามความเคลื่อนไหวของ “เดอะกิฟเวอร์โปรเจ็คต์” ได้ที่ www.facebook.com/Thegiverproject
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี