วันเสาร์ ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2568
พัฒนา ย่านการค้าในอดีตเมื่อ 185 ปีก่อนให้เป็นจุดขายใหม่ด้านการท่องเที่ยว ของกาญจนบุรี “โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวถนนปากแพรก” พร้อมเสนอเป็นหนึ่งในโครงการ “เขาเล่าว่า” ชูจุดเด่นพื้นที่ท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้โดยเฉพาะ ความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของไทย
ศักดิ์ สมบุญโต ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า จังหวัดกาญจนบุรี กำลังเร่งผลักดัน “โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวถนนปากแพรก” ซึ่งเป็นถนนเก่าแก่ตั้งแต่ยุคก่อตั้งเมืองกาญจนบุรี ในสมัยรัชกาลที่ 3 เมื่อราว185 ปีก่อน เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี ตลอดจนสร้างรายได้ให้ชุมชนพร้อมพัฒนาคุณภาพและยกระดับให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอันจะนำไปสู่การท่องเที่ยวที่ยั่งยืนต่อไป
“จังหวัดกาญจนบุรีมีวัตถุประสงค์ที่จะผลักดันถนนปากแพรกให้เป็นถนนคนเดินที่มีชื่อเสียงเทียบเท่ากับจังหวัดอื่นๆ เช่น แพร่นครสวรรค์ เชียงใหม่ และอื่นๆ โดยจะเน้นพัฒนาให้ถนนปากแพรกเป็นเสมือนโชว์รูมของดีจังหวัดกาญจนบุรี ด้วยการนำเสนอสินค้าท้องถิ่นและความหลากหลายทางด้านวัฒนธรรมของชาวเผ่าต่างๆ ในจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งมีมากกว่า13 เผ่าจากกว่า 1 พันหมู่บ้าน เช่น เผ่ากะเหรี่ยงปกาเกอะญอ มูเซอ เย้า ลีซอ และอื่นๆ”
.jpg)
ศักดิ์ สมบุญโต
นอกจากนั้นยังจัดให้มีพื้นที่สำหรับการแสดงกิจกรรมทางด้านวัฒนธรรมและศิลปะของเยาวชนรุ่นใหม่ ณ บริเวณพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยเบื้องต้นกำหนดจัดขึ้นเฉพาะวันเสาร์ก่อนโดยเริ่มตั้งแต่เวลา 16.00-21.00 น. พร้อมทั้งเชื่อมโยงพื้นที่เข้ากับตลาดโต้รุ่งที่เพิ่งพัฒนาให้มีความสะอาดและทันสมัยด้วยการส่งเสริมให้ร้านค้าแต่ละแห่งมีการจัดทำเมนูอาหารเป็นภาษาอังกฤษเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ด้าน น.ส.จรรยาลักษณ์ สาธิตกิจ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวเสริมว่า ถนนปากแพรก ยังมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของไทยอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นย่านที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺฒโน คชวัตร)ประสูติ และผนวช ณ วัดเทวสังฆาราม ทั้งยังเป็นสถานที่เกิดของบุคคลสำคัญอีกหลายท่านอาทิ พลเอกพระยาพหลพลพยุหเสนานายกรัฐมนตรีคนที่สองของประเทศไทย นายแพทย์ประเวศ วะสี และนายบุญผ่องสิริเวชชะพันธ์ ผู้ได้รับฉายา “วีรบุรุษสงครามของรถไฟสายมรณะ” นอกจากนี้ยังมี “บ้านแต้มทอง” บ้านคหบดีเก่า สถาปัตยกรรมแบบจีนอายุประมาณ 150 กว่าปี สร้างโดยช่างชาวจีนในสมัยรัชกาลที่ 3 ยังคงมีข้าวของเครื่องใช้และของเก่าเมื่อครั้งรัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสไทรโยคเมื่อปี 2420 รวมถึง “บ้านสหกุลพาณิชย์” ซึ่งเป็นบ้านเก่าที่ทหารญี่ปุ่นเคยขอเช่าเป็นที่พักของนายทหารและติดตั้งปืนกลบนดาดฟ้า มีหลุมหลบภัยในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ในห้องใต้ดินภายในตัวบ้านและยังคงสภาพสมบูรณ์ นับเป็นสิ่งที่น่าศึกษาอย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้ จังหวัดกาญจนบุรี จึงต้องการพัฒนาส่งเสริมให้ถนนปากแพรก ให้เป็นถนนคนเดินที่สามารถเล่าเรื่องเมืองกาญจนบุรีได้ตลอดไป
วิศรุต อินแหยม ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกาญจนบุรี กล่าวเสริมว่า วัตถุประสงค์หนึ่งของ “โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวถนนปากแพรก” จึงต้องการสร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้แก่ชุมชนอย่างยั่งยืน โดย ททท. สำนักงานกาญจนบุรี มีแนวคิดที่จะผลักดันให้ถนนปากแพรกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “เขาเล่าว่า” ของ ททท. โดยต้องการนำเสนอจุดเด่นด้านพื้นที่ท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้และสร้างสรรค์แห่งสังคม หรือ “พิพิธภัณฑ์มีชีวิต” เพื่อนำเสนอเรื่องราวอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี