วันพฤหัสบดี ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ผู้หญิง
ภูมิบ้าน ภูมิเมือง : ‘ทุ่งกุลาร้องไห้’ แหล่งข้าวของแผ่นดินอีสาน

ภูมิบ้าน ภูมิเมือง : ‘ทุ่งกุลาร้องไห้’ แหล่งข้าวของแผ่นดินอีสาน

วันอาทิตย์ ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.
Tag : ทุ่งกุลาร้องไห้ อีสาน
  •  

ทะเลสาบที่ทำให้ทุ่งกุลาสดใส

วันก่อนตามไปดูโครงการวัฒนธรรมสัญจรสู่สถานศึกษาที่สำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรมได้ดำเนินการมาแล้วตั้งแต่ปีพ.ศ.2551 โดยเปิดโอกาสให้เด็กนักเรียนและเยาวชนในจังหวัดต่างๆ ร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ที่นำมิติของวัฒนธรรม ศาสนา วิทยาศาสตร์ จากหน่วยงานที่รับผิดชอบไปร่วมกันสร้างโอกาสได้เห็นได้ร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ ซึ่งทำกันมาแล้วถึง 15 ครั้ง สำหรับครั้งนี้ร่วมกันจัดที่จังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นจังหวัดที่ทำให้นึกถึงทุ่งกุลาร้องไห้ ที่อยู่ในอ.เกษตรวิสัย ขึ้นมาทันทีเพราะทุ่งกุลาร้องไห้นี้มีความสำคัญมาก เพราะสามารถพลิกฟื้นความแห้งแล้งให้เป็นแหล่งผลิตข้าวจนมีชื่อเสียงของประเทศได้ ทุ่งกว้างนี้มีพื้นที่ 2,107,681 ไร่ มีบริเวณครอบคลุมพื้นที่ 13 อำเภอ 5 จังหวัด คือแนวทิศเหนือนั้นเป็นอำเภอปทุมรัตต์ อำเภอเกษตรวิสัย อำเภอสุวรรณภูมิ และอำเภอโพนทราย ของจังหวัดร้อยเอ็ด แนวทิศใต้มีลำน้ำมูลทอดยาวตลอดพื้นที่อำเภอชุมพลบุรี อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ แนวทิศตะวันตกผ่านอำเภอพุทไธสง จังหวัดบุรีรัมย์ อำเภอมหาชนะชัย จังหวัดยโสธร และอำเภอพยัคฆภูมิพิสัยของจังหวัดมหาสารคาม

กิจกรรมวัฒนธรรมสู่สถานศึกษา

สรุปแล้วทุ่งกุลาร้องไห้ประมาณ 3 ส่วนใน 5 ส่วน นั้นเป็นพื้นที่อยู่ในเขตจังหวัดร้อยเอ็ดทุ่งกุลาร้องไห้อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอสุวรรณภูมิ6 กิโลเมตร เลยกู่พระโกนาไปประมาณ 200 เมตรทุ่งกุลาร้องไห้แห่งนี้มีเรื่องเล่ากันว่าพวกกุลาเป็นชนกลุ่มน้อยจากเมืองเมาะตะมะ ประเทศพม่าซึ่งเป็นชนกลุ่มหนึ่งที่เร่ร่อนเดินทางค้าขายระหว่างเมืองต่างๆ นั้น ได้เดินทางมาค้าขาย นำสินค้าประเภทสีย้อมผ้า เครื่องทองเหลืองต่างๆ

พวกกุลานี้ถือกันว่าเป็นชนเผ่าที่เป็นนักเดินทางนักต่อสู้ที่มีความทรหดอดทนสูงมากและความเข้มแข็งเป็นที่รู้จักกันดี เมื่อพวกกุลาเดินทางมาถึงทุ่งกว้างนี้แล้วกลับได้รับความทุกข์ยากเป็นอันมากถึงกับร้องไห้ มีพื้นที่กว้างขวางเหลือประมาณ ต้องใช้เวลาเดินทางหลายวัน ไม่พบหมู่บ้านใด ๆ เลย น้ำก็ไม่มีดื่ม ต้นไม้ก็ไม่มีที่จะให้ร่มเงา มีแต่ทุ่งหญ้าเต็มไปหมด พื้นดินก็เป็นทราย เดินทางยากลำบากเหมือนอยู่กลางทะเลทราย เพราะตลอดทุ่งกว้างนี้ไม่มีน้ำหรือต้นไม้ใหญ่อยู่เลย ในฤดูแล้งแผ่นดินที่ทุ่งนี้กลับแห้งแตกระแหง แห้งแล้งมาก ส่วนในฤดูฝนน้ำจะท่วมทุกปี ใต้พื้นดินลงไปเป็นน้ำเค็ม ไม่สามารถทำการเกษตรได้ จะขอความช่วยเหลือจากใครก็ไม่ได้ เพราะไม่มีใครให้ขอความช่วยเหลือ มีแต่แดดต้นหญ้า และดินปนทราย ถึงเวลาค่ำคืน ทั้งหิว ทั้งเหนื่อยสายตัวแทบขาด ร่างกายขาดน้ำ ทำท่าจะตายเอาทั้งหมดจึงได้แต่นอนร้องไห้ จนมีชาวพื้นเมืองผ่านมาพบเข้า จึงช่วยเหลือหาบหามกันไปรักษาพยาบาลในหมู่บ้าน

ชนเผ่ากุลา

ผู้รอดตายเล่าว่าก่อนที่จะได้รับความช่วยเหลือว่าทำอะไรไม่ได้เลย เอาแต่นอนร้องไห้เพียงอย่างเดียวจนเรียกรู้กันว่าเป็นทุ่งที่แม้แต่พวกกุลาที่ทรหดอดทนต้องนอนร้องไห้ตามชื่อ“ทุ่งกุลาร้องไห้” นั่นแหละ ในอดีตจึงไม่มีใครใส่ใจไยดีกับทุ่งกว้างแห่งนี้นัก ปัจจุบันทุ่งกว้างแห่งนี้ได้รับการพัฒนาโดยรัฐบาลไทยได้ร่วมมือกับรัฐบาลออสเตรเลีย ส่งเจ้าหน้าที่ผู้มีความเชี่ยวชาญในการฟื้นฟูผืนดินที่ไร้ประโยชน์ ให้สามารถทำประโยชน์ได้  ด้วยการทำถนน สร้างอ่างเก็บน้ำที่มีอย่างเหลือเฟือในฤดูฝน ขุดคลองซอยอย่างถี่ยิบ แล้วผันน้ำเข้าสู่คลองซอย ผืนดินที่แห้งแล้งสีน้ำตาลนั้นจึงเปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้ม เต็มไปด้วยพืชพรรณธัญญาหารจนทุ่งกุลาร้องไห้นั้นเป็นทุ่งกุลาที่สดใส และมีสำนักงานศูนย์พัฒนาที่ดินทุ่งกุลาร้องไห้กรมพัฒนาที่ดิน ดูแลจนเป็นแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิที่สำคัญของประเทศ และกลายเป็นอู่ข้าวอู่น้ำที่มีชื่อเสียงของไทย ยิ่งกว่านั้นยังได้พบแหล่งโบราณคดีที่เกี่ยวเนื่องกันจากบริเวณต่างๆ คือ พบภาชนะดินเผาขนาดใหญ่และเรื่องราวของมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์และโบราณวัตถุในอดีตอีกด้วย

ทะเลสาบที่ฟื้นฟูทุ่งกุลาร้องไห้

ทุ่งนาในทุ่งกุลาร้องไห้

นาข้าวหอมมะลิ

สภาพแห้งแล้งของทุ่งกุลาร้องไห้

ภาพเขียนการทำภาชนะดินเผา

บ้านเรือนของชนเผ่ากุลา

ภาชนะดินเผาที่พบในทุ่งกุลาร้องไห้

แหล่งโบราณคดีทุ่งกุลาร้องไห้

แผนที่-ทุ่งกุลาร้องไห้

เรียนรู้จากโบราณวัตถุ

อบรมมารยาทไทย


เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

ปราชญ์ สามสี ชี้ชัด นี่คือ สงครามสัญลักษณ์ ไม่ใช่การทำลายศาสนา

'อนุทิน'ประกาศกร้าว! ไม่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคประชาชน เหตุไม่หยุดแก้ ม.112

เฉลิมชัย ลั่น หนุน กล้าธรรม ลุยช่วยหาเสียงเต็มที่

ส่งกลับสู่ภูมิลำเนาอย่างสมเกียรติ 'พลทหาร ธนพัฒน์ นันทะวงศ์' วีรบุรุษบ้านหนองจาน

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved