วันศุกร์ ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ผลงานของนักออกแบบในโครงการ Designers’Room & Talent Thai
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศโดย สำนักส่งเสริมนวัตกรรมและสร้างมูลค่าเพิ่มเพื่อการค้า เผยผลสำเร็จโครงการส่งเสริมนักออกแบบไทยสู่ตลาดโลก หรือ Designers’Room & Talent Thai สามารถสร้างนักออกแบบไทย ให้มีแบรนด์เป็นของตัวเองได้ถึง 600 กว่าแบรนด์ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญที่ช่วยส่งเสริมความสามารถของนักออกแบบไทยที่มีศักยภาพ ให้มีความรู้ในการทำธุรกิจ รวมทั้งยังช่วยผลักดันสู่เส้นทางการค้าในระดับสากล
ม.ล.คฑาทอง ทองใหญ่ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการออกแบบและนวัตกรรมเพื่อการค้า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงผลสำเร็จในการดำเนินโครงการส่งเสริมนักออกแบบไทยว่า ปีนี้เราได้สานต่อความสำเร็จของนักออกแบบไทยที่ผ่านการคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการ Designers’Room & Talent Thai เมื่อปี2558 ถือเป็นอีกก้าวสำคัญที่ช่วยส่งเสริมความสามารถของนักออกแบบไทยที่มีศักยภาพ ให้มีความรู้ในการทำธุรกิจ รวมทั้งยังช่วยผลักดันสู่เส้นทางการค้าในระดับสากล และเป็นที่รู้จักบนเวทีโลก ซึ่งสอดคล้องกับจุดมุ่งหมายของโครงการที่ดำเนินการมาตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี
“ตลอดเวลาที่ผ่านมา โครงการ Designers’Room & Talent Thai เป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของกรมสามารถมอบองค์ความรู้ที่ช่วยบ่มเพาะในด้านการตลาดและการทำธุรกิจระหว่างประเทศ สู่การมอบโอกาสให้กับนักออกแบบไทยที่มีความพร้อม ได้นำผลงานไปแสดงยังงานแสดงสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ชั้นนำของไทยและต่างประเทศ เพื่อเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ของการเป็นผู้นำด้านการผลิตและการออกแบบสินค้าแฟชั่นและสินค้าไลฟ์สไตล์ ในระดับภูมิภาคอาเซียน รวมถึงส่งเสริมแบรนด์แฟชั่นไทยที่มีศักยภาพ ให้ได้รับการยอมรับในตลาดแฟชั่นระดับสากลมากยิ่งขึ้น”
.jpg)
ม.ล.คฑาทอง ทองใหญ่
ม.ล.คฑาทอง ทองใหญ่ กล่าวอีกว่าในส่วนของโครงการพัฒนานักออกแบบ แบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกได้แก่ ดีไซเนอร์รูมหรือกลุ่มแฟชั่น และกลุ่มทาเลนท์ ซึ่งเป็นกลุ่มโปรดักส์ดีไซน์ ปีนี้นับเป็นปีที่ 15 แล้ว ที่ได้จัดตั้งขึ้นมา โดยที่ผ่านมาเราสามารถสร้างนักออกแบบแล้วมีแบรนด์เป็นของตัวเองได้ถึง 600 กว่าแบรนด์ ในขณะที่บางแบรนด์อาจหายไปบ้าง บางแบรนด์ยังผลิตชิ้นงานสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง และสามารถตั้งตัวเองได้ในระดับภูมิภาค ขั้นตอนต่อไปเราต้องพยายามทำให้แบรนด์ต่างๆ เหล่านี้ยกระดับขึ้นไปสู่ระดับโลกให้ได้และมีความยั่งยืนที่สุด ถือว่าเป็นโจทย์ที่ค่อนข้างจะท้าทาย
“สำหรับนักออกแบบรุ่นล่าสุด มีทั้งหมด 62 แบรนด์ โดย 23 แบรนด์เป็นแฟชั่น ที่เหลือ 39 แบรนด์เป็นโปรดักส์ดีไซน์ ปัจจุบันความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงสถานการณ์ของตลาดเปลี่ยนแปลงไปรวดเร็วมาก คู่แข่งมากขึ้น ฉะนั้นตัวดีไซเนอร์เองต้องมีเครื่องมือมีความรู้มากกว่าที่จะเป็นเรื่องของโปรดักส์ดีไซน์หรือดีไซน์อย่างเดียว นอกจากนี้ คือโอกาสที่เราให้กับดีไซเนอร์ มีเวทีเราต้องขึ้นไปแข่งขันกับเขาให้ได้ หรืองานเจมส์ต่างๆ สามารถจำหน่ายปลีกและส่ง สร้างเป็นมูลค่าให้กับธุรกิจ หลังจากจบงานยังมีออเดอร์ตามมาอีก เป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างแบรนด์ของเขาให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นทั้งในและนอกประเทศ สำหรับเวทีในต่างประเทศเราเองก็ได้หาพื้นที่ให้กับเขาด้วย เช่น ฝรั่งเศส อิตาลี ออสเตรีย ญี่ปุ่นฯลฯ
.jpg)
ทางด้านศักยภาพของดีไซเนอร์ไทย เมื่อเปรียบเทียบกับเวทีนานาชาติในเชิงความคิดสร้างสรรค์ เราไม่แพ้ต่างประเทศเลยแต่เราต้องพัฒนาตัวเองให้เกิดการสร้างสรรค์ในกระบวนการผลิตด้วย เช่น มีผลผลิตที่มากยิ่งขึ้นมีประสิทธิภาพในการผลิตที่ดีขึ้นใช้พลังงานน้อยลง ใช้วัสดุที่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมากขึ้น ควบคู่ไปกับสิ่งที่นักออกแบบควรต้องเรียนรู้ นั่นคือทักษะที่นำมาพัฒนากระบวนการผลิต ไอเดียต้องมาก่อนไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ นักออกแบบต้องค้นหาตลาดของคุณให้มากและลึกขึ้น เพราะความต้องการของผู้บริโภคมาหลายช่องทางเปลี่ยนไปจากอดีตที่ผ่านมา เช่น ค้าขายผ่านออนไลน์ เป็นต้น เราต้องดึงออกมาให้ได้แล้วผลิตสินค้าที่ตอบสนองตรงนี้ หาไอเดียที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคก่อนที่นักออกแบบจะผลิตสินค้า ถือเป็นการยืดหยุ่นและลดภาวการณ์เสี่ยงให้น้อยลง”
นักออกแบบที่สนใจ สามารถติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหว รวมทั้งกิจกรรมต่างๆ ของโครงการส่งเสริมการสร้างนักออกแบบไทย ได้ที่ www.designers360.net, www.ditp-design.com หรือ Facebook: Talent Thai &Designers’Room
.jpg)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี