ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้รับการยอมรับว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความน่าสนใจมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เพราะมีความหลากหลายของสถานที่ท่องเที่ยว แล้วยังมีความหลากหลายทางศิลปวัฒนธรรม ขนบประเพณีประวัติศาสตร์ และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชนชาติต่างๆ ในแต่ละประเทศ
เคยมีคนเข้าใจว่าประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศนั้น ต่างแก่งแย่งแข่งขันเพื่อให้ได้นักท่องเที่ยวเข้าประเทศของตนให้มากที่สุด เพราะนั่นคือเงินตราจำนวนมากที่แต่ละประเทศจะหาได้ แต่ความคิดดังกล่าวไม่น่าจะตรงกับความเป็นจริงในยุคปัจจุบัน เพราะสมาชิกทั้ง 10 ประเทศต่างให้ความร่วมไม้ร่วมมือและแบ่งปันกัน เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนร่วมกัน
เพื่อให้สมาชิก ASEAN ทั้ง 10 ประเทศสามารถก้าวเดินร่วมกันไปบนแนวทางของการพัฒนาการท่องเที่ยวได้อย่างทัดเทียมและเอื้อเฟื้อต่อกันและกัน จึงได้เกิดปฏิญญาว่าด้วยความร่วมมือเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวในด้านต่างๆ อาทิ การท่องเที่ยวทางเรือ การท่องเที่ยวเชิงอาหาร และการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล รวมถึงการลงทุนในธุรกิจการท่องเที่ยวระหว่างกันและกัน โดยมีเป้าหมายร่วมกันคือเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในกลุ่มสมาชิกอาเซียน และเพื่อถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์การจัด การบริหารการท่องเที่ยวให้กับสมาชิกที่ยังเพิ่งเปิดประเทศเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวได้ไม่นานนัก
ในการประชุมระดับรัฐมนตรีการท่องเที่ยวเอเซียน ครั้งที่ 37 (The 37th ASEAN Tourism Forum : ATF 2018) ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ณ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 25-26 มกราคม 2561 โดยมีรัฐมนตรีกระทรวงท่องเที่ยว และตัวแทนรัฐมนตรีจากประเทศสมาชิกเข้าร่วมประชุมและลงนามในปฏิญญา ดังนี้ ดาโต๊ะ อาลี อาปอง รมว.ทรัพยากร และการท่องเที่ยว บรูไน, ดร.ทองขอน รมว.ท่องเที่ยว กัมพูชา, ดร.อารีฟ ยาห์ยา รมว.ท่องเที่ยว อินโดนีเซีย, ดร.โบเสงคาม วงดารา รมว.ข้อมูล วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว ลาว, ดาโต๊ะ เสรี โมฮัมเหม็ด นาซ์รี บิน อับดุล อาซิซ รมว.ท่องเที่ยว และวัฒนธรรม มาเลเซีย, อู โอน หม่อง รมว.การโรงแรมและการท่องเที่ยว เมียนมา, เบนนิโต ซี เบงซอน จูเนียร์ ตัวแทนกระทรวงท่องเที่ยว ฟิลิปปินส์, ซิม แอนน์ รมว.อาวุโส กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม และรมว.วัฒนธรรม ชุมชน เยาวชน สิงคโปร์, วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ไทย, เหงียน ง็อค เทียน รมว.วัฒนธรรม กีฬา และท่องเที่ยว เวียดนาม และ ฮิรูบาลัน วี พี รองเลขาธิการอาเซียนด้านความมั่นคง
ในการประชุมครั้งนี้ ยังได้มีการประชุมร่วมระดับรัฐมนตรีการท่องเที่ยวอาเซียนกับรัฐมนตรีกระทรวงท่องเที่ยวจากประเทศจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ครั้งที่ 17 อีกด้วย (ASEAN plus Three Tourism Ministers) ประเด็นสำคัญที่ได้รับทราบจากการหารือร่วมครั้งนี้คือ พบว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวจากต่างชาติที่เดินทางเข้าไปในภูมิภาคอาเซียนบวกสามของปี 2017 ได้มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ คือมีนักท่องเที่ยวมากถึง 175 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.7 เมื่อเทียบกับปี 2016
และเรื่องที่น่าสนใจมากอีกประการหนึ่งในการประชุมครั้งนี้คือ มีการประชุมครั้งที่ 6 ของ ASEAN กับรัฐมนตรีกระทรวงท่องเที่ยวของอินเดีย โดยระบุว่า ในปี 2016 มีนักท่องเที่ยวจากอินเดียเดินทางเข้าไปในอาเซียนรวม 3 ล้าน 5 แสนคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.1 เมื่อเทียบกับปี 2015 ส่วนนักท่องเที่ยวจากอาเซียนก็เดินทางเข้าไปในอินเดียมากขึ้น โดยมีจำนวน 746,069 คน ในปี 2016 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.5 เมื่อเทียบกับปี 2015
ส่วนความสำเร็จด้านการท่องเที่ยวของอาเซียนที่เห็นอย่างเป็นรูปธรรมอันเป็นผลมาจากการจัดแผนการรณรงค์ส่งเสริมการท่องเที่ยวอาเซียน ที่ใช้ชื่อว่า Visit ASEAN@50 ทำให้มีนักท่องเที่ยว 126 ล้านคนจากทั่วโลก เดินทางเข้าไปเที่ยวในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยเฉพาะแค่เพียงประเทศไทยพบว่ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 35 ล้านคน เดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งสร้างรายได้ให้ประเทศคิดเป็นสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 20 ของ GDP
อย่างไรก็ตาม เมื่อกล่าวถึงงาน ATF 2018 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-26 มกราคม 2561 ณ จังหวัดเชียงใหม่ โดยใช้แนวคิดการจัดงานคือ อาเซียน การเชื่อมโยงอย่างยั่งยืน ความเจริญรุ่งเรืองที่ไม่มีวันสิ้นสุด (ASEAN– Sustainable Connectivity, Boundless Prosperity) โดยงานนี้มีการพบปะกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายสินค้าด้านโรงแรมและการบริการ ดังนี้ ผู้ขาย 650 ราย ผู้ซื้อ 240 ราย และมีผู้มาแสดงนิทรรศการในงานนี้อีก 894 ราย โดยมีสื่อมวลชนจากทั่วโลก 200 รายเข้าร่วมทำข่าวในงานนี้ ส่วนปีหน้า วันที่ 14–18 มกราคม 2019 ประเทศเวียดนามจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ATF 2019 ที่เมืองฮาลอง โดยใช้แนวคิดการจัดงานว่า อาเซียน กำลังแห่งความเป็นหนึ่ง (ASEAN-The Power of One) และในปี 2020 บรูไน ดารุสซาลาม จะเป็นเจ้าภาพรายต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี