ข้อมูลจากการสัมมนาประจำปี เรื่องโรคภูมิแพ้ โรคหืดและวิทยาภูมิคุ้มกันแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 29 โดย ศ.นพ.เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม ระบุว่า โรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ [allergic rhinitis (AR)] เป็นโรคที่พบบ่อย จากการใช้แบบสอบถาม International Study of Asthma and Allergies in Childhood (ISAAC) questionnaire พบว่าในประเทศไทยอุบัติการณ์ของโรค AR ในเด็กอยู่ที่ประมาณร้อยละ 40 ส่วนอุบัติการณ์ในผู้ใหญ่สมัยก่อนอยู่ที่ร้อยละ 20 และเมื่อไม่นานมานี้มีการสำรวจพบว่าบางแห่งมีอุบัติการณ์สูงถึงร้อยละ 40-50 เลยทีเดียว จากข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าเด็กไทยกำลังเผชิญปัญหาการเป็นโรคภูมิแพ้ในระบบทางเดินหายใจสูงขึ้น
แพทย์หญิงเกศินี โอวาสิทธิ์ กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการและพฤติกรรมโรงพยาบาลเด็กสมิติเวช ศรีนครินทร์ให้ข้อมูลว่า หนึ่งในปัจจัยที่ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ในระบบทางเดินหายใจ คือการเลือกใช้แป้งเด็กที่ไม่เหมาะสมและการทาแป้งอย่างไม่ถูกวิธี เนื่องจากแป้งส่วนใหญ่ทำมาจากแร่หินทัลค์ หรือแป้งทัลคัม เมื่อสูดเข้าไปทีละน้อยๆ เป็นเวลานาน แร่หินทัลค์จะไปสะสมอยู่ในปอด ทำให้มีปัญหาด้านการหายใจ มีอาการไอระบบทางเดินหายใจติดขัดรุนแรง สำหรับเด็กทารก ก็อาจจะทำให้ปอดอักเสบ เกิดเนื้องอกในปอดและเสียชีวิตได้ ด้วยสาเหตุดังกล่าวทำให้กุมารแพทย์ส่วนใหญ่ไม่แนะนำให้ใช้แป้ง แต่เนื่องด้วยสภาพอากาศในเมืองไทยที่เป็นแบบร้อนชื้น การใช้แป้งจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยากเพราะลูกน้อยเกิดผดผื่น ฉะนั้นคำถามคือ ควรเลือกแป้งอย่างไร และมีวิธีการทาแป้งอย่างไรให้ปลอดภัย ทำให้ลูกน้อยห่างไกลโรคภูมิแพ้
พญ.เกศินี โอวาสิทธิ์
“ในต่างประเทศตื่นตัวมานานแล้ว และผู้บริโภคส่วนใหญ่เลือกใช้แป้งที่มาจากวัตถุดิบทดแทน ที่นิยมมากก็จะเป็นแป้งข้าวโพด เนื่องจากเป็นสารอินทรีย์ย่อยสลายได้ด้วยธรรมชาติ ลักษณะของแป้งมีความกระด้างและติดผิวหนังได้มากกว่า ที่สำคัญปราศจากแร่ทัลค์ที่เป็นอันตราย!! ในส่วนของเมืองไทยช่วงหลังเหล่าคุณพ่อ-คุณแม่มีทางเลือกในการใช้สินค้ามากขึ้น เพราะมีสินค้าเด็กประเภทกรีนโปรดักส์มากขึ้น ในส่วนของแป้งก็เช่นกัน มีผู้ผลิตคิดค้นแป้งที่ทำมาจากวัตถุดิบธรรมชาติ อาทิ แป้งข้าวเจ้าสตาร์ช (Rice Starch) ซึ่งพิสูจน์แล้วว่ามีความปลอดภัยต่อเด็กทุกวัย เพราะเป็นสารอินทรีย์ ทำให้สามารถย่อยสลายได้โดยจุลินทรีย์ในธรรมชาติ ไม่เกิดการสะสมในปอดอันเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดโรคภูมิแพ้ โดยคาดการณ์กันว่าต่อไปแป้งทาตัวจากแป้งข้าวเจ้าจะเป็นเทรนด์สำหรับคุณแม่ยุคใหม่
นอกจากแป้งข้าวเจ้าจะเป็นแป้งทาตัวเด็กที่ปลอดภัยแล้ว ในกลุ่มวัยรุ่นผู้ใหญ่วัยทำงาน หรือกระทั่งผู้สูงอายุ ยังสามารถใช้ทาใบหน้า ทาตัวได้ ช่วยลดเหงื่อและการอับชื้นที่เกิดระหว่างวันได้ดีมาก และไม่เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ อีกทั้งในวงการแพทย์มีการเริ่มใช้แป้งข้าวเจ้าสำหรับลดการอับชื้นของแผล ฝี หนอง แผลอักเสบต่างๆ เพราะสามารถดูดซึมได้ดีและไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง” นอกจากนี้ การทาแป้งให้ถูกวิธี ก็ต้องให้ความสำคัญ คือไม่ควรใช้ในปริมาณมากเกินไป และหลีกเลี่ยงการทำให้แป้งฟุ้งกระจาย จนสูดดมเข้าไป”
ทั้งนี้ แป้งไรซแคร์มีจำหน่ายที่ โกลเด้นเพลส ท็อปส์ กูรเม่ต์มาร์เก็ต โฮมเฟรชมาร์ท เทสโก้โลตัส เลมอนฟาร์ม เพรียว และ 7-แคตตาล็อก ทั่วประเทศ ขนาด 50 กรัม ราคา 39 บาท หรือขนาดแพ็ก 4 กระป๋อง ราคา 135 บาท ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับไรซแคร์ได้ที่ www.reiscare.com และ https://www.facebook.com/ReisCareBabyPowder
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี