ทันทีที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ประกาศยึดอำนาจ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เพื่อปิดประเทศ เดินหน้าประเทศไทย โดยให้เหตุผลว่าสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และพื้นที่อื่นๆ ที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มขยายตัว จนอาจนำไปสู่การเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงหรือจลาจล ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ และความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนโดยรวม เพื่อให้สถานการณ์ดังกล่าวกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว ประชาชนในชาติเกิดความรัก ความสามัคคี ตลอดจนเพื่อเป็นการปฏิรูปโครงสร้างทางการเมือง และอื่นๆ อันจะก่อให้เกิดความชอบธรรมกับทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย คณะทหาร และตำรวจ จึงได้เข้าควบคุมอำนาจการปกครองประเทศ
ทันทีที่พระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ บริหารราชการแผ่นดิน หรือ คสช. ที่ประกาศ ณ วันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 ปัญหาแรกที่ ท่าน “ประยุทธ์” หยิบมาดำเนินการเป็นเรื่องแรก ก็หนีไม่พ้น เรื่องปัญหาความเดือดร้อนของชาวนา จากโครงการรับจำนำข้าวทุกเม็ด ที่รัฐบาลผู้อ้างว่ามาจากการเลือกตั้งอย่างตระกูล “ชินวัตร” และลิ่วล้อ ท่องกันติดปาก เป็นคนสร้างปัญหา รวมหัวทุจริต โดยภายในสัปดาห์เดียวเดินหน้าจ่ายเงิน ให้กับเกษตรกรแล้วกว่า 1.9 หมื่นล้านบาท จากยอดที่ต้องจ่ายเงินให้กับเกษตรกรในโครงการรับจำนำข้าวทั้งหมดกว่า 9.2 หมื่นล้านบาท และจะเดินหน้าจ่ายให้กับเกษตรกรต่อไปจนหมดทุกราย เพื่อให้กระดูกสันหลังของชาติที่หักลงกลางคันจากการคดโกง ของนายกรัฐมนตรีหญิงคนเดียวของประเทศ ที่ชื่อ “ยิ่งลักษณ์”สามารถลืมตาอ้าปากเดินหน้าปลูกในฤดูกาลใหม่ที่มาถึง
จากปัญหาในโครงการรับจำนำข้าวที่มีอยู่ เมื่อมีการสำรวจตัวเลขที่หักลบกลบหนี้ที่หมักหมมจากการละเลงทุจริตในโครงการมีการประเมินเบื้องต้น เฉพาะในปี 2556 ที่ผ่านมา คาดกันว่า เสียหายไปกว่า 5แสนล้านบาท ย้ำว่า “5แสนล้านบาท” ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นถึงเวลาที่จะต้องเดินหน้าสะสาง งานนี้ พลเอกประยุทธ สั่งให้มีการตรวจสอบละเอียดยิบถึงที่มาที่ไปรวมไปถึงข้าวที่อ้างว่ายังมีเหลือในโกดังมีอยู่จริงหรือไม่ ต้องติดตามกันต่อไปจนจบเรื่องงานนี้ที่แน่ๆมีคนต้องติดคุกกันเป็นทิวแถว และคงจะปฏิเสธกันลำบาก เพราะงานนี้ มีอดีตข้าราชการทั้งกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรฯ ดาหน้าให้ข้อมูลกับทาง คสช.เพียบ
ย้อนหลังดูการทุจริตที่เอื้อฉาว ที่คนจดจำและพูดถึงมากที่สุดโครงการหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกร คือ โครงการ “ผักสวนครัวรั่วกินได้” ที่ กรมส่งเสริมการเกษตรเป็นผู้ดำเนินการ ครั้งนั้น พรรคการเมืองที่อยู่เบื้องหลังคือ พรรคชาติไทย ของนาย “บรรหาร” ซึ่งมีมูลค่าทั้งโครงการ เพียง 252 ล้านบาท ซึ่งส่งผลให้รัฐมนตรี ที่กำกับดูแลต้องลาออกจากตำแหน่งเพื่อรับผิดชอบและตามติดด้วยข้าราชการที่เกี่ยวข้องต้องถูกดำเนินคดีไปหลายราย แต่มาวันนี้ เสียหายไปหลายแสนล้าน ไม่มีรัฐมนตรีลาออกแม้แต่คนเดียวเพื่อรับผิดชอบในเรื่องที่เกิดขึ้น
จากปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดวันนี้ แม้กระทรวงเกษตรฯ ซึ่งถือว่าใกล้ชิดเกษตรกรที่สุดจะเดินหน้าแก้ปัญหาลดต้นทุนอย่างไร สุดท้ายปัญหาก็ยังแก้ไม่ตก เพราะเกาไม่ถูกที่คัน หากยังมีข้าราชการที่ยังไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่ที่ควรจะเป็น ยอมก้มหัวให้กับนักการเมืองหวังกอดอำนาจ วันนี้มีข้าราชการหลายคน ออกมาพูดชัดว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดล้วนมาจากนโยบายที่นักการเมืองรวมหัวกับข้าราชการหากินซึ่งทางแก้คือ ต้องสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรและต้องยอมรับความเป็นจริงร่วมกันแก้ปัญหา ไม่ใช่พอมีการติติงการทำงานแล้วแต๋วแตก ไลน์ไปจวกคนโน้นคนนี้เหมือนอธิบดีบางคนในกระทรวงเกษตรฯ อย่างนี้ เห็นทีแก้ยาก
“หมิงเทียน”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี