ทูตอังกฤษถก‘กสม.’
รับกังวลคดีเกาะเต่า
สัปดาห์หน้าตร.ผู้ดี
เข้าร่วมสังเกตการณ์
เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) นางอมรา พงศาพิชญ์ ประธานกสม.เปิดเผยภายหลังนายมาร์ค เคนท์ เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักร ประจำประเทศไทย เข้าหารือกรณี 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษถูกฆาตกรรม ที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี ว่า ทางเอกอัครราชทูตมีการพูดคุยเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของกสม. และมุมมองเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน รวมถึงคดีนักท่องเที่ยวถูกฆ่าที่เกาะเต่าด้วย
“ทูตอังกฤษระบุว่าก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีอังกฤษและนายกรัฐมนตรีของไทยได้พูดคุยกัน โดยนายกรัฐมนตรียินดีให้ความร่วมมือกับตำรวจอังกฤษที่จะเข้ามาทำงานร่วมกับตำรวจไทย ทั้งนี้ทูตอังกฤษได้ย้ำว่าขอบเขตการทำงานเป็นอำนาจหน้าที่ของตำรวจไทย ตำรวจอังกฤษมาร่วมสังเกตการณ์เท่านั้น ซึ่งขอบข่ายการทำงานขึ้นอยู่กับการตกลงของ 2 ประเทศ อย่างไรก็ตาม ตำรวจอังกฤษจะเดินทางถึงประเทศไทยภายในสัปดาห์หน้า”นางอมรา กล่าว
นางอมรากล่าวอีกว่า ในการพูดคุยครั้งนี้ยังไม่ลงลึกในรายละเอียดเรื่องของคดี แต่ทูตก็ได้แสดงความกังวลบ้างเล็กน้อย เนื่องจากเป็นแรงกดดันภายในประเทศตามที่รัฐมนตรีอังกฤษแสดงความกังวลเกี่ยวกับข่าวการทรมานผู้ต้องหา แต่ทูตอังกฤษก็รู้สึกดีที่ กสม. เข้ามาทำงานในคดีนี้ เพราะถือว่าจะได้ข้อมูลอีกชุดหนึ่งซึ่งต่างจากข้อมูลของตำรวจ อีกทั้งการทำงานกสม.จะแยกกับหน่วยงานของตำรวจอย่างเด็ดขาด
เมื่อถามว่า ทางตำรวจออกมายืนยันว่าไม่มีการซ้อมทรมานผู้ต้องหา แต่จากผลการสอบของกสม.ระบุว่ามีการซ้อมทรมานผู้ต้องหาจริง กสม.มีหลักฐานยืนยันหรือไม่ นางอมรากล่าวว่า ทางสถาบันนิติวิทยาศาสตร์มีหลักฐาน ซึ่งต่างคนต่างมีข้อมูล อีกทั้งตำรวจมีหลายทีมในการสอบสวน เวลาดูข้อมูลก็ต้องดูว่าใครเกี่ยวข้องบ้าง เพราะคนที่ไม่เกี่ยวข้องก็คงไม่อยากให้ข้อมูล
ด้านพ.ต.ท.หญิง ฉันฉาย รัตนพานิช รองผกก.ฝ่ายกิจการต่างประเทศ กองบัญชาการตำรวจสันติบาล ในฐานะรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) กล่าวว่าจากการตรวจสอบไปยังสถานเอกอัครราชทูตอังกฤษ ประจำประเทศไทย และตรวจสอบไปยังนายตำรวจประสานงานสถานทูตพบว่า ยังไม่มีการประสานเรื่องที่ตำรวจนครบาลอังกฤษ หรือสกอตแลนด์ยาร์ด จะเข้ามาประสานในคดีนี้แต่อย่างใด
“ทางสถานทูตก็ทราบเพียงข่าว ไม่มีการพูดคุยติดต่อเรื่องนี้อย่างเป็นทางการในชั้นใดทั้งสิ้น และได้สอบถามผ่านช่องทางของตำรวจสากล หรืออินเตอร์โพล ก็ยังไม่มีการติดต่อประสานการเข้ามาเช่นกัน ทั้งนี้นับแต่มีคดีนี้ตำรวจอังกฤษก็ไม่เคยติดต่อประสานข้อมูลโดยตรง มีเพียงการประสานงานกันตลอดในส่วนสถานทูตเท่านั้น” รองโฆษกสตช. กล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้ยังไม่มีการประสานติดต่อเข้ามา ตำรวจไทยก็ได้จัดเตรียมข้อมูลเพื่อชี้แจงการทำคดีนี้ทั้งหมด ตั้งแต่เกิดเหตุ การตรวจที่เกิดเหตุ การสอบพยาน การสืบสวน เก็บหลักฐานทุกอย่างไปจนถึงการได้ตัวคนร้ายที่ก่อเหตุถ้ามีการประสานมาก็พร้อมชี้แจงให้ทราบข้อเท็จจริงทันที
ด้านพล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ รรท.ผู้ช่วยผบ.ตร.ในฐานะโฆษกตร.ยืนยันว่าตำรวจไทยทำคดีนี้อย่างมีมาตรฐานสากล การเข้ามาของตำรวจอังกฤษ มองว่าไม่เป็นการดิสเครดิต แต่มองอีกมุมเป็นผลดี เพราะหากว่าตำรวจไทยได้ชี้แจงการทำคดีนี้ ให้ทางตำรวจอังกฤษทราบก็จะเป็นการแสดงและยืนยันว่าสิ่งที่ตำรวจไทยทำมาเป็นตามขั้นตอน ตามมาตรฐานสากล
อย่างไรก็ดี การทำคดีนี้ ยึดพยานหลักฐานในสำนวน คนที่ไม่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ไม่มีพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุเชื่อมไปถึงก็ไม่สามารถไปกล่าวหาลอยๆได้ ตอนนี้ตำรวจทราบแล้วว่ากลุ่มที่พยายามสร้างกระแสข่าวโจมตีตำรวจในคดีนี้ ทางโซเชียลมีเดีย ที่ใช้เพจ เฟซบุ๊ค ว่าcsi LA คือใครกำลังตรวจตรวจสอบเนื้อหาว่าผิดกฎหมายหรือไม่
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิดรองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานประสานผู้ประกอบการควบคุมมาตรการดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวให้เป็นรูปธรรม และอาจจะต้องมีการกำหนดบทลงโทษด้วยถ้ามีการปล่อยปละละเลยให้มีความหละหลวมอยู่ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความมั่นใจต่อชาวต่างชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี