ปปง.ชี้คดี'พงศ์พัฒน์'โยง'เสี่ยโจ้' คาดมีเอี่ยวโจรใต้
วันอังคาร ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557, 18.33 น.
Tag :
25 พ.ย. 57 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการปปง. กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจับกุมพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธ์ อดีตผบช.ก.พร้อมพวก ปฏิบัติหน้าที่มิชอบโดยแสวงหาผลประโยชน์มิชอบหลายประการ พร้อมทั้งเข้าตรวจค้นพบทรัพย์สินซุกซ่อนภายในบ้านจำนวนมหาศาลว่า จากการวันนี้ทางปปง.ได้หารือกับกับ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.แล้ว ไม่น่าจะมีปัญหาแต่อย่างใด เพราะผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพว่ากระทำความผิดจริง เบื้องต้นทราบว่าตำรวจตรวจสอบพบทรัพย์สินของผู้ต้องหาจำนวนหมื่นชิ้นทั้งนี้ ในการหารือกับผบ.ตร.ได้แนะนำให้มีแยกบัญชีประเภทหมวดหมู่ทรัพย์สิน เช่น โบราณวัตถุ พระพทธรูปล้ำค่า ภาพเขียน และเงิน
สำหรับกรณีถือว่าเป็นผู้ประกอบอาชีพค้าของเก่าเข้ามาตรา 16 พรบ.ฟอกเงิน มีหน้าที่รายงานธุรกรรมมีเหตุอันควรสงสัยที่เกี่ยวข้องต้องรายงานที่มาที่ไปให้ ป.ป.ง. ทราบ ไม่เช่นนั้นจะมีความผิด และถูกปรับวันละ 5 แสนบาท นับตั้งแต่มีการซื้อขายจนถูกจับกุมได้
พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวต่อว่า ทั้งนี้จากลักษณะทรัพย์สินที่พบในบ้านของอดีต ผบช.ก. ถือว่าเป็นไปตามลักษณะกฏหมายฐานความผิดฟอกเงิน ที่สามารถยึดทรัพย์ได้ อาทิ การเก็บทรัพย์สินและวัตถุโบราณ มีการซุกซ่อนเซฟฝังดิน ปิดบังซ่อนเร้นทรัพย์ ดังที่ปรากฏในข่าว ดังนั้น สามารถดำเนินคดีเอาผิดผู้ต้องหาทั้งหมดในข้อหาฟอกเงินได้
ทั้งนี้ ทางป.ป.ง.ได้แจ้งต่อ ผบ ตร.ว่าให้ทำเป็นรายงานข้อมูลมาถึง ป.ป.ง.เพื่อให้เป็นไปตามกำหนดระเบียบของสำนักนายกรัฐมนตรี แต่ในทางปฏิบัติระหว่างนี้ที่รอเอกสารส่งมายัง ป.ป.ง.จะเข้าร่วมตรวจสอบทรัพย์สินทันทีก่อนทำหนังสือมาถึงป.ป.ง. เพื่อดำเนินการยึดทรัพย์ได้ในอนาคตทันที นอกจากนี้ ป.ป.ง.จะดำเนินการขยายผลยึดทรัพย์ผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยเมื่อได้ข้อมูลประสานไปแจ้งยัง สตช.หากพบผู้กระทำผิดเพิ่มเติมเพื่อให้ดำเนินคดี
เลขาธิการปปง. กล่าวอีกว่า สำหรับทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิดแยกเป็น 2 ประเภท 1.ทรัพย์ของกลาง ซึ่งพนักงานสอบสอบเป็นผู้ยึดได้ขณะกระทำความผิด หรือใช้ในการกระทำความผิด 2.เป็นทรัพย์สินประเภทวัตถุพยาน ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด แต่ไม่ใช่มีไว้ใช้ทำความผิดโดยตรง เช่น พระพุทธรูป ภาพเขียน เป็นต้น เป็นทรัพย์สินที่แปรสภาพ หรือที่เรียกว่าฟอกเงิน รวมทั้งเงินสกุลต่างประเทศหลายสกุล อาทิ ดอลล่าร์ และสกุลบาทไทย จำนวนมากนั้นทรัพย์สินตามข้อ 2 นี้ ถือว่าเป็นอำนาจหน้าที่ ป.ป.ง.ดำเนินการยึดทรัพย์ได้
นอกจากนี้ ทางเลขาธิการปปง. ระบุว่าสำหรับกรณีของตำรวจระดับสูงที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ล้วนเป็นตำแหน่งที่ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นผบช.ตร.น้ำ ผบช.ตม. ดังนั้นทางป.ป.ง.จะไม่เน้นตรวจสอบธูรกรรมทางการเงินที่มีเอกสารแสดงหลักฐาน แต่ ป.ป.ง.จะมุ่งเน้นตรวจสอบ บุคคลที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้อง หรือนอมินีผู้กระทำความผิด ตลอดจนค้นหาสถานที่ซุกซ่อนทรัพย์สินมากกว่า
เลขาธิการปปง. ระบุว่า สำหรับทรัพย์สินที่ปรากฏตามข่าวคาดว่าจะเป็นเงินที่ได้จากธุรกิจค้าน้ำมันเถื่อนและบ่อน และอาจจะเชื่อมโยงกับคดี”เสี่ยโจ้ ปัตตานี” โดยทาง ป.ป.ง.ได้ติดตามตรวจสอบหลายเดือนแล้ว แต่ส่วนใหญ่ในการทำธุรกิจดังกล่าวจะใช้เงินสดหมุนเวียนมากกว่าจึงยากติดตามยึดทรัพย์
ที่สำคัญ คาดว่าน่าจะเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับ ขบวนการโจรก่อการร้ายภาคใต้ เพราะผู้ค้าน้ำมันเถื่อนต้องขนผ่านเส้นทางที่ผู้ก่อการร้ายภาคใต้ ดูแลพื้นที่อยู่ อาจเป็นไปได้ว่า กลุ่มผู้ต้องหาจะจ่ายเงินค่าคุ้มครองให้กับกลุ่มผู้ก่อการร้าย จึงเข้าข่ายสนับสนุนผู้ก่อการร้าย
เลขาธิการปปง. กล่าวว่า คาดว่าทางสตช.จะรวบรวมข้อหากระทำผิด ผู้ต้องหาทั้งหมด ให้ทาง ป.ป.ง.เพื่อดำเนินการยึดทรัพย์ไม่เกิน 2 สัปดาห์นับจากนี้ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าผู้กระทำความผิดระดับสูงสุดน่ามีแค่ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ เท่านั้น ไม่น่าจะผู้อยู่เบื้องหลังที่มีตำแหน่งสูงไปกว่านี้ นอกจากนี้ คาดว่าคงจะมีการนำกรณีของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ พร้อมพวก เข้าสู่การพิจารณาในคณะกรรมการธุรกรรมเพื่อยึดและอายัดทรัพย์ได้ภายในเดือนหน้า