อุบัติภัยที่เกิดจากการทำงาน เช่น กรณีไฟไหม้โรงงาน อาคารโรงแรมถล่ม เหตุสารเคมีรั่วไหล และอีกหลายๆ กรณีนั้น ล้วนส่งผลกระทบกับลูกจ้างทั้งสิ้น ตั้งแต่บาดเจ็บ พิการ ไปจนถึงเสียชีวิต อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อนายจ้าง บรรยากาศการลงทุน และที่สำคัญคือระบบเศรษฐกิจของประเทศ
ดังนั้น ภาครัฐ โดยกระทรวงแรงงาน จึงต้องหามาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาความสูญเสียที่เกิดขึ้น โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กระทรวงแรงงาน ได้จัดตั้งสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์กรมหาชน) หรือ สสปท. ซึ่งจัดตั้งขึ้นตามมาตรา 52 ของพ.ร.บ.ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ.2554 ภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.แรงงาน
ซึ่งพระราชกฤษฎีกา เพิ่งจะมีผลบังคับใช้วันที่ 22 พ.ค. 58 ที่ผ่านมา โดยให้อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) นั่งตำแหน่งผู้อำนวยการสสปท. และมีปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานบอร์ด โดยบอร์ดชั่วคราวชุดนี้จะต้องสรรหาบอร์ดจริงให้แล้วเสร็จภายใน 180 วัน
สำหรับภารกิจหลักของสสปท.นั้นนายวรานนท์ ปิติวรรณ รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กล่าวว่า เป็นการทำงานด้านวิชาการ ศึกษาค้นคว้า วิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เกี่ยวกับอาชีวอนามัย และการจัดทำมาตรฐานเพื่อส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน โดยนำข้อมูล ความรู้ใหม่ๆ นี้ ไปให้คำแนะนำกับนายจ้างและลูกจ้าง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันและพัฒนาให้เกิดความปลอดภัยในการทำงาน
การพัฒนาด้านความปลอดภัยในการทำงานนั้น จะต้องทำงานแบบบูรณาการ โดยสสปท. มีหน้าที่ค้นคว้า วิจัย จากนั้นส่งต่อให้หน่วยงานที่ทำหน้าที่ติดตาม ตรวจสอบ ความถูกต้องของมาตรฐานสภาพแวดล้อมในการทำงานของ กสร. ออกไปตรวจสอบสถานประกอบกิจการต่างๆ ให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ
“เรื่องการป้องกันอันตรายที่เกิดจากการทำงานนี้ นอกจากจะมีกฎหมายบังคับแล้ว นายจ้าง และลูกจ้าง จะต้องมีจิตสำนึกด้านความปลอดภัยในการทำงานด้วย ซึ่งนับเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง หากขาดสิ่งที่เท่ากับละเลยมาตรการความปลอดภัย จนนำไปสู่การเกิดอันตรายได้ เช่น บางคนไม่สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันตามมาตรฐานที่กำหนด เพราะคิดว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งหากสวมใส่อุปกรณ์ความปลอดภัยก็จะสามารถช่วยลดการบาดเจ็บและการสูญเสียได้มาก”
นายวรานนท์ กล่าวต่อไปว่า สถานประกอบการขนาดกลาง และขนาดเล็ก หรือ เอสเอ็มอี จะมีมาตรฐานความปลอดภัยในการทำงานน้อยกว่าสถานประกอบกิจการขนาดใหญ่
จากข้อมูลของสำนักงานประกันสังคม เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ.2557 ประเทศไทยมีสถานประกอบกิจการทั้งสิ้น 419,652 แห่ง โดยส่วนใหญ่เป็นสถานประกอบกิจการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) ถึงกว่าร้อยละ 80 ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีการประสบอันตราย หรือเจ็บป่วยจากการทำงานมากกว่าสถานประกอบกิจการขนาดใหญ่
อย่างไรก็ตาม สถานประกอบกิจการขนาดกลางและขนาดเล็กก็ยังมีปัญหาหลายประการ เช่น ด้านการตลาด ขาดแหล่งเงินทุน ด้านแรงงาน เทคโนโลยีการผลิต ขีดจำกัดด้านการบริหารและจัดการ ปัญหาด้านการส่งเสริมของภาครัฐและเอกชน ปัญหาด้านการให้บริหารของรัฐ และการรับรู้ข่าวสาร ดังนั้นการให้ความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้กับสถานประกอบกิจการขนาดกลางและขนาดเล็ก จึงมีความสำคัญยิ่ง เพราะถือเป็นปัญหาพื้นฐานของภาคเศรษฐกิจอุตสาหกรรมที่แท้จริง (Real Sector) ก็จะอยู่รอดได้เช่นกัน
ทั้งนี้ สสปท. จะทำหน้าที่ศึกษาข้อมูลต่างๆ เพื่อให้นายจ้างและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปพิจารณาหาแนวทางป้องกันและแก้ไข โดยเฉพาะในส่วนของเอสเอ็มอีนั้น ควรจะมีมาตรการใดเข้ามาช่วยเหลือ เพื่อส่งเสริมให้มีการปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยและสภาพแวดล้อมการทำงานให้มากขึ้นต่อไป
รองอธิบดีกสร.กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี