จากกรณีเสียชีวิตของลุงกำธรซึ่งตกท่อย่านกลางเมืองลาดพร้าว นั้น คงทำให้ผู้ติดตามข่าวและประชาชนอีกหลายคนคำนึงถึงความไม่ปลอดภัยในการใช้ชีวิตทั้งบนท้องถนนและริมฟุตปาธ
ในพื้นที่ดังกล่าวผู้เขียนได้มีโอกาสผ่านทั้งช่วงกลางวันและช่วงกลางคืนเป็นเวลาหลายเดือนและสังเกตเห็นได้ว่าจะมีการก่อสร้างปิดกั้นถนนอยู่ตลอดทุกวัน ในช่วงเวลากลางคืน โดยช่วงกลางคืนจะมีการเปิดผิวถนนทำการก่อสร้างบริเวณด้านล่างและช่วงเช้าจะทำการปิดเช่นเดิม โดยในภายหลังการไฟฟ้านครหลวงออกมารับผิดชอบโดยให้สาเหตุว่าเกิดจากมีคนร้ายขโมยฝาท่อจำนวนมากทำให้ต้องนำแผ่นไม้อัดมาปิดไว้ชั่วคราวก่อน
ในประเด็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความรับผิดนั้น ประเด็นแรกต้องพิจารณาว่า เขตดังกล่าวถือว่าเป็นการประมาทปราศจากความระมัดระวัง
หรือไม่ การที่นำฝาท่อไม้อัดมาปิดแทนฝาท่อเหล็ก โดยมิได้ทำการแนวเขตหรือสัญลักษณ์เตือนนั้น ในทัศนะของผู้เขียนเห็นว่าเป็นการกระทำที่ยังไม่ได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควร ส่วนข้ออ้างที่ว่าฝาท่อถูกโจรกรรมและอยู่ระหว่างจัดซื้อนั้น คงเป็นเพียงประเด็นที่ว่ากันภายในหน่วยงานเท่านั้นมิได้สามารถใช้โต้แย้งกับบุคคลภายนอกซึ่งเป็นประชาชนได้
ประเด็นต่อมา ต้องพิจารณาว่าหน่วยงานใดที่จะต้องร่วมรับผิดบ้าง ไม่ว่าจะเป็นกรุงเทพมหานคร สำนักงานเขตในพื้นที่ ผู้ที่ดูแลใช้ท่อดังกล่าวเช่นกันไฟฟ้าส่วนภูมิภาค รวมถึง ผู้ใช้งานท่อดังกล่าวเช่นผู้รับเหมาโครงการซึ่งต้องเปิดและปิดท่อเพื่อทำการก่อสร้างที่เกี่ยวกับท่อดังกล่าว
ซึ่งไม่ว่าหน่วยงานใดก็ตามที่มีอำนาจหน้าที่ในการดูแลรับผิดชอบท่อดังกล่าวนั้นมีหน้าที่ที่จะต้องดูแลให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานและปลอดภัยอยู่เสมอ
ประเด็นต่อมาที่พบเจอในรูปแบบคดีละเมิดประเภทนี้อยู่เสมอคือการต่อสู้ของหน่วยงานรัฐหรือผู้รับผิดชอบ เกี่ยวกับเรื่องค่าเสียหายหรือความมีส่วนประมาทร่วมของผู้เสียหาย ซึ่งในกรณีดังกล่าวบริเวณท่อที่ผู้ตายได้ตกลงไปในท่อนั้น อยู่บริเวณเกาะกลางถนนซึ่งไม่ใช่พื้นที่แนวเขตที่เป็นทางสัญจรโดยทั่วไป และในบริเวณดังกล่าวยังมีสะพานลอยเพื่อให้คนข้ามในบริเวณใกล้เคียง จึงคาดได้ว่าประเด็นดังกล่าวจะทำให้หน่วยงานที่ถูกฟ้องคดีคงตั้งประเด็นว่าเป็นความประมาทของผู้ตายหรือผู้ตายมีส่วนประมาทอยู่ด้วย อย่างไรก็ตามในประเด็นนี้ศาลอาจจะพิจารณาได้ทั้งกรณีที่ผู้ตายไม่มีส่วนประมาทเนื่องจากเป็นพื้นที่เกาะกลางถนนแม้จะมีสะพานลอยในบริเวณดังกล่าว แต่ก็อยู่ในความระมัดระวังที่หน่วยงานรัฐที่ผู้ถูกฟ้องคดีจะต้องดำเนินการป้องกัน หรือศาลอาจจะมองว่าเป็นความประมาทส่วนหนึ่งของผู้ตายอยู่ด้วยและลดทอนค่าเสียหายตามความเหมาะสมก็ได้
ส่วนในทัศนะของผู้เขียนเห็นว่าแม้จะมีสะพานลอยในพื้นที่ดังกล่าวและเป็นเกาะกลางถนน แต่ในบริเวณที่เกิดเหตุ ไม่ใช่พื้นที่ที่ห้ามสัญจรอย่างเด็ดขาด และมีประชาชนที่ทำการสัญจรโดยข้ามเกาะกลางถนนอยู่เสมอ ประกอบกับหน่วยงานมิได้ทำแนวระวังแจ้งเตือนถึงความชำรุดบกพร่องของบริเวณฝาท่อดังกล่าวจึงเชื่อว่าเป็นความประมาทของผู้ประกอบการหรือหน่วยงานแต่ฝ่ายเดียว
ประเด็นทิ้งท้าย นอกจากหน่วยงานการไฟฟ้านครหลวงที่ออกมายืดอกรับผิดชอบแล้วในความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนควรพิจารณาไปถึงหน่วยงานอื่นๆ หรือภาคเอกชนซึ่งเป็นผู้รับเหมา และทำการก่อสร้างบริเวณดังกล่าวด้วยว่ามีการดำเนินการหรือยุ่งเกี่ยว ในพื้นที่ดังกล่าวจนเกิดความเสียหายชำรุดไม่พร้อมหรือไม่ปกติของฝาท่ออันเป็นต้นเหตุของโศกนาฏกรรมด้วยหรือไม่ เพื่อหาคนร่วมรับผิดที่ครบถ้วนและถูกต้องต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี