สั่งหน่วยราชการ
ลดการใช้น้ำลง10%
กรุงเก่า-ชัยนาทเฮ!
เปิดประตูน้ำเข้านา
สุโขทัย-หล่มสักจม
เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(กนช.) ครั้งที่ 1 ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ดยมีรัฐมนตรีรวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมเพื่อพิจารณาแผนยุทธศาสตร์การบริหารการจัดการทรัพยากรน้ำ ปี2558-2569รวมถึงการส่งมอบยุทธศาสตร์การบริหารการจัดการทรัพยากรน้ำทั้งระบบของ ปี 2557-2569
โดยแผนระยะสั้น จะเริ่มทำตั้งแต่ปี 2557-2559 เน้นแก้ปัญหาขาดน้ำเพื่ออุปโภคบริโภคให้ทั่วถึงทั้งประเทศ และให้มีน้ำประปาใช้ถึงระดับตำบลและหมู่บ้านโดยตั้งเป้า 7,000 หมู่บ้าน อีกทั้งเพิ่มพื้นที่ในการกักเก็บน้ำและเตรียมการระบายน้ำจากตอนเหนือสู่อ่าวไทยโดยปี2557-2558 จะใช้งบประมาณปกติราว 5-6หมื่นล้านบาท ในปี 2559 จะใช้งบเพิ่มเติมอีก 3หมื่นล้านบาท รวมงบประมาณทั้งหมดเป็น 8หมื่นล้านบาท ส่วนแผนระยะกลาง และระยะยาว เน้นการจัดหาต้นทุนน้ำเพิ่มเติมจากน้ำฝนโดยการเจรจา ดึงน้ำธรรมชาติจากแม่น้ำสาละวินจากประเทศเมียนมาไว้ที่เขื่อนภูมิพล เบื้องต้น รัฐบาลไทยได้หารือกับรัฐบาลเมียนมาแล้วและต้องหารือถึงเรื่องดึงน้ำจากแม่น้ำโขงมาไว้ที่เขื่อน อีกทั้งยังวางแนวทางการจัดหาน้ำต้นทุนมาไว้ในเขื่อนโดยใช้เวลา4-5 ปี หากทำได้ตามแผนประเทศไทย จะไม่มีปัญหาขาดแคลนน้ำและน้ำท่วมใหญ่อย่างที่เคยเกิดขึ้น
สั่งราชการลดใช้น้ำ10เปอร์เซ็นต์
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ยังให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมกนช.ว่าตนได้ส่งมอบแผนบริหารจัดการน้ำให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.)โดยคณะกรรมการของคสช.จะอยู่ในส่วนการติดตาม และประเมินผล ซึ่งได้สั่งการให้สรุปตั้งแต่ปี2557-2569 ทำคืบหน้าถึงไหนและจะต้องวางแผนบริหารจัดการน้ำทั้งระบบไม่ว่าจะเป็นน้ำประปา อุตสาหกรรม การเกษตรและการผลักดันน้ำทะเล หากทุกคนไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้น้ำ ก็จะเป็นปัญหาต่อไป การปลูกพืชใช้น้ำน้อย หรือการปลูกพืชตามความต้องการ เราให้ความสำคัญทุกอย่าง รวมถึงภาคอุตสาหกรรม ที่จะทำให้เกิดวงจรของการผลิตให้เกิดขึ้นมา โดยขอให้ทุกคนช่วยกันประหยัดน้ำ วันนี้สั่งการไปแล้ว ส่วนราชการต้องช่วยกันประหยัดน้ำลงอย่างน้อย ให้ได้สัก 10 เปอร์เซ๊นต์ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป อย่างกองทัพบก สั่งให้ลดก็ลดไปได้เยอะ
ผุดตั้ง2อนุฯ”จัดหาน้ำ-ใช้น้ำ”
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว กนช.ต้องปรับรูปแบบการทำงานใหม่โดยมีคณะอนุกรรมการ2 ชุด คือ กลุ่มจัดหาน้ำ และ กลุ่มใช้น้ำ แล้วให้ กนช.ตัดสินใจ ในการดำเนินการ ถ้าแยกงานหลายคณะ ต่างคนต่างทำ กว่าจะมาถึงตนก็ช้าไปแล้วโดยให้ทั้ง 2 ชุด ไปแยกกลุ่มว่าแต่ละกลุ่มมีปัญหาอย่างไร ต้องใช้น้ำเท่าไหร่แล้วมาบูรณาการกันและกนช.จะสั่งการอนุมัติงบประมาณ ซึ่งเรื่องน้ำเป็นเรื่องสำคัญไม่อยากให้ตื่นตระหนก สังคมไทยอ่อนไหวง่าย น้ำน้อย น้ำแล้ง ต้องช่วยสร้างความเข้าใจ รัฐบาลดูแลทุกคนซึ่งทหารไม่อยากจะใช้กฎหมาย ขอความร่วมมือในส่วนที่เสียหาย รัฐบาลต้องดูแลเรื่องการเยียวยาเท่าเทียม มากบ้างน้อยบ้างตามความเดือดร้อนและ ขอประชาชนใช้สิทธิเยียวยาตามความจริง อย่าเซ็นชื่อแทนกัน เพื่อป้องกันการทุจริต ย้ำรัฐบาล
สั่งกปน.-กรมชลฯศึกษาหาน้ำ
ด้านนายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะเลขานุการกนช.กล่าวว่าปัญหาที่คนในกรุงเทพฯตระหนักเรื่องน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค นายกฯได้สั่งการให้การประปานครหลวงและกรมชลประทานไปศึกษาว่าทำอย่างไรที่จะนำน้ำจากฝั่งตะวันตกมาใช้แทนน้ำจากเจ้าพระยาได้รวมถึงการตักน้ำโดยตรงจากลำนำเจ้าพระยา ลงมาที่คลองสำแล เรื่องนี้ต้องศึกษาผลกระทบทำให้เกิดน้ำเค็มขึ้นหรือไม่
ชง3แผนดูแลเกษตรเข้า’ครม.’
ด้าน นายโอฬาร พิทักษ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า กระทรวงเกษตรฯ จะเสนอขออนุมัติโครงการช่วยเหลือเกษตรกร ทั้งในะระยะสั้น และระยะยาว 3โครงการ วงเงิน1,300 ล้านบาท ให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า โครงการที่ 1 ปรับโครงสร้างการปลูกพืช พื้นที่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา คาดว่าเกษตรกรจะไม่สามารถปลูกข้าวนาปรังฤดูกาล 58/59ได้ต่อเนื่อง มีทางเลือกให้แก่เกษตรกร 2 แนวทาง คือ ปรับปลูกพืชเชิงเดี่ยว เช่น ข้าวโพด และถั่วเหลือง จะส่งเสริมให้ปลูกเป็นแปลงใหญ่ มีการร่วมมือกับเอกชนเพื่อหาตลาดรองรับ ซื้อข้าวโพด แนวทางที่2 คือการทำกสิกรรมทางเลือก หรือ ไร่นาสวนผสม ให้แก่เกษตรกร ที่มีพื้นที่ของตัวเองไม่เกิน 25ไร่ จะสนับสนุนสินเชื่อ รายละ 1 แสนบาท ดอกเบี้ย 2%จากปกติ 7% ระยะเวลา 1ปี จะขอวงเงินชดเชยดอกเบี้ยจาก ครม.ประมาณ 400 ล้านบาท สามารถดำเนินการได้ทันทีหากได้รับอนุมัติ เบื้องต้นจะใช้งบกระทรวงฯ87ล้านบาท มาใช้ก่อนในปีนี้ โครงการที่ 2 การทำฟาร์มชุมชน จำนวน 877 แห่งทั่วประเทศ เพื่อสร้างแห่งอาหารและสร้างงานในพื้นที่ วงเงินแห่งละ 1 ล้านบาท รวม 877 ล้านบาท และโครงการที่3 โครงการพัฒนาศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศทั่วประเทศ เพื่อปรับปรุงข้อมูลด้านการเกษตรวงเงินกว่า 20 ล้านบาท
อีกทั้ง กระทรวงฯยังได้เปิดศูนย์ ช่วยเหลือเกษตรกรประจำตำบล(ศชก.)เพื่อให้เกษตรกรแจ้งปัญหาได้ง่ายและแก้ไขได้อย่างรวดเร็วตั้งแต่วันที่20 กรกฎาคม 2558 จะมีเจ้าหน้าที่ในพื้นที่คอยตรวจสอยคำร้องและดำเนินการทันที เกษตรกรสามารถแจ้งปัญหาผ่าน3 ช่องทาง คือผ่านทางเว็บไซน์ www.kasecenter.doae.go.th /ผ่านทางเฟสบุ๊คทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์และรับเหตุ ทาง www.facebook.com/kasetcenterteamและผ่านแอพพลิเคชั่นมือถือ ในระบบแอนดรอยส์
ปล่อยน้ำช่วยลุ่มเจ้าพระยา
ขณะที่ นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า สถานการณ์น้ำช่วงนี้มีฝนตกกระจายในภาคเหนือตอนบน รวมทั้งลุ่มเจ้าพระยาตอนล่างและมีน้ำไหลลงทั้ง 4เขื่อนหลักเพิ่มทุกวัน แต่น้ำต้นทุนยังไม่มากต้องรอฝนเดือนสิงหาคม-กันยายน เพื่อเติมน้ำในเขื่อนให้มากขึ้น หากมีฝนตกในพื้นที่เกษตรกรรมใต้เขื่อนเพิ่มมากขึ้น และมีปริมาณสม่ำเสมอ กรมชลฯจะเสนอให้ลดการระบายน้ำออกจากเขื่อนให้เกษตรกรใช้น้ำฝนแทน เพื่อเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งปีหน้า
ขณะนี้ ยังคงระบายน้ำจาก4 เขื่อนหลักตามมติ ครม.วันละ18ล้านลูกบาศก์เมตร โดย 5 ล้านลูกบาศก์เมตรจะจัดสรรเพื่อช่วยพื้นที่วิกฤตในลุ่มเจ้าพระยา 1.36 ล้านไร่ให้แต่ละพื้นที่จัดเวรหมุนเวียนกันสูบน้ำไปช่วยเหลือเกษตรกรให้ครอบคลุมพื้นที่นาข้าวกำลังตั้งท้องเป็นการเร่งด่วนเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกันข้าวที่ตั้งท้องขณะนี้
และล่าสุด มีน้ำไหลลงเขื่อนภูมิพล7.58 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนสิริกิติ์ 17.93ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนแควน้อย-บำรุงแดน 8.82 ล้านลูกบาศก์เมตร และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ 5แสนลูกบาศก์เมตร ขณะที่ สถานการณ์น้ำ ใช้การได้ขณะนี้ 4 เขื่อนรวมกัน 495 ล้านลูกบาศก์เมตรคิดเป็นร้อยละ3 ของความจุเขื่อน
กรุงเก่าเปิดประตูน้ำเข้านาข้าว
ช่วงสายวันเดียวกัน นายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ ผวจ.พระนครศรีอยุธยา นางสมทรง พันธ์เจริญวรกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)พระนครศรีอยุธยา พร้อมนายอำเภอเสนา ผู้แทนทหาร ชลประทาน ไดเดินทางไปยังประตูระบายน้ำเจ้าเจ็ด โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาผักไห่ หมู่3 ต.รางจระเข้ อ.เสนา เพื่อเปิดประตูระบายน้ำขึ้น 60เซ็นติเมตร ท่ามกลางความดีใจของเกษตรกรที่มารอคอย ส่งเสียงเฮปรบมืออย่างมีความสุข ขอบคุณ ผู้ว่าฯพระนครศรีอยุธยากันใหญ่
ซึ่งการเปิดประตูระบายน้ำที่ อ.เสนา ถือเป็นปฐมฤกษ์ของการเปิดประตูระบายน้ำช่วยเหลือเกษตรกร หลังถูกปิดมาหลายวัน
ขณะนี้ ได้เปิดประตูระบายน้ำแล้วถึง 4 แห่ง คือ ประตูระบายน้ำเจ้าเจ็ด ลาดชะโด ผักไห่และขนมจีน คาดจะช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรได้กว่า 1แสนไร่ใน3 อำเภอคือ อ.เสนา ผักไห่และอ.บางซ้าย โดยเน้นช่วยเหลือพื้นที่ที่ข้าวที่ปลูกเกิน 2เดือน กำลังตั้งท้อง เป็นหลัก อีกเดือนเศษ จะเกี่ยวได้ หลังจากนั้นจะไปดูแลต้นข้าวที่มีอายุไม่เกิน60วัน และที่กำลังเริ่มปลูก เชื่อว่าจะสามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้ในระดับหนึ่ง
ชัยนาท ให้ชาวนาสูบน้ำ2วัน
ด้าน นายสุชาติ เจริญศรี ผู้อำนวยการครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามโนรมย์ จ.ชัยนาท กล่าวว่าหลังจากโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามโนรมย์ ได้ประกาศให้เกษตรกรงดสูบน้ำในคลองชัยนาท-ป่าสักเพื่อการเพาะปลูกตั้งแต่วันที่14 กรกฎาคมเพื่อช่วยเหลือชาวนาที่มีความต้องการน้ำไปหล่อเลี้ยงต้นข้าวที่กำลังออกรวง ได้อนุญาตให้ชาวนาใน อ.มโนรมย์ อ.เมืองชัยนาทและชาวนา อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ช่วงประตูระบายน้ำมโนรมย์ ต.วัดโคก อ.มโนรมย์ ถึงกิโลเมตรที่44 ให้สูบน้ำไปใช้เพาะปลูกได้2 วันตั้งแต่เวลา 12.00น.วันที่23กรกฎาคม ถึงเวลา12.00น.วันที่25 กรกฎาคมจากนั้นจะให้หยุดสูบ 4 วัน เพื่อแบ่งรอบเวรการสูบน้ำให้แก่ชาวนา จ.ลพบุรี และ จ.สระบุรี ได้สูบสลับกันต่อไป เพื่อจะได้ไม่ส่งผลกระทบการผลิตน้ำประปา
น้ำป่าทะลักท่วมนาข้าวสุโขทัย
ที่ จ.สุโขทัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากมีฝนตกติดต่อกันนานกว่า 12 ชั่วโมง ในพื้นที่หมู่ 9 ต.สารจิตร อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย ทำให้มีน้ำป่าไหลหลากเข้าคลองยายโท และกระแสน้ำได้กัดเซาะตลิ่งริมคลองจนพังรวม 2 จุด แต่ละจุดพังยาวประมาณ 10 เมตร ส่งผลให้น้ำป่าทะลักเข้าท่วมนาข้าวเป็นบริเวณกว้าง โดย นายธนกฤต ท้าวบุญยืน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 ได้นำลูกบ้านมาช่วยกันเร่งกรอกทรายบรรจุกระสอบเพื่อนำไปวางปิดกั้นในจุดที่พังทั้ง 2 แห่ง ป้องกันนาข้าวอายุกว่า2 เดือนจำนวนนับพันไร่ ไม่ให้ถูกน้ำท่วมเสียหาย หลังจากช่วยกันซ่อมแซมจุดที่พังได้แล้ว ได้มีการจัดเวรยามเฝ้าสถานการณ์น้ำตามแนวคลองยายโทด้วย
น้ำป่าท่วมหล่มสัก-เพชรบูรณ์
ส่วนที่ จ.เพชรบูรณ์ เกิดสถานการณ์น้ำท่วมหลายพื้นที่ภายหลังฝนตกหนัก 2 วันโดยล่าสุดช่วงเช้ามืดวันนี้เวลาประมาณ 05.00 น. ได้มีกระแสน้ำจากแม่น้ำป่าสักล้นตลิ่ง และพนังกั้นน้ำเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรในเขตเทศบาลเมืองหล่มสักหลายจุด ตั้งแต่ชุมชนสักงอย ชุมชนศรีบุญเรือง ชุมชนวัดไพรสณฑ์ ชุมชนท่ากกโพธิ์ชุมชนบ้านไร่ ชุมชนวัดทุ่ง และบริเวณด้านถนนเลียบแม่น้ำป่าสักเทศบาลตำบลตาลเดี่ยวและบ้านศรีสะอาด สูงราว 20-30 เซนติเมตร โดยนายกิตติ พั้วช่วย นายกเทศมนตรีเมืองหล่มสัก ได้ลงพื้นที่ระดมเจ้าหน้าที่ของเทศบาลเข้าช่วยเหลือราษฎรและสั่งเสริมกระสอบทรายป้องกันน้ำท่วม จนช่วงเช้าระดับน้ำได้ทรงตัวและลดระดับลงเรื่อยๆและเข้าสู่สภาวะปกติ แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังหลงเหลือเล็กน้อยอยู่บางจุด
อย่างไรก็ตาม มวลน้ำก้อนนี้จะพุ่งตรงตามแม่น้ำป่าสักเข้าเขตเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ในช่วงดึกคืนนี้ถึงช่วงเช้าตรู่วันที่ 23 กรกฎาคมนี้ ทางนายเสกสรร นิยมเพ็ง นายกเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ ได้เตรียมพร้อมรับมือน้ำท่วมไว้ล่วงหน้าโดยก่อสร้างพนังกั้นน้ำ ขุดลอกคลอง เพื่อให้กระแสน้ำไหลสะดวก เสริมกระสอบทรายในจุดที่ คาดว่าน้ำจะล้นตลิ่ง คาดปีนี้คงผ่านพ้นไปด้วยดี เพื่อความไม่ประมาท ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ระวังป้องกันน้ำท่วมตลอด 24ชั่วโมง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี