การปรับครม. “ประยุทธ์ 3” ที่เลือกให้ “พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ” มานั่งเป็นรมว.เกษตรฯ เสียเอง จากที่เคยเป็น รมว.พาณิชย์ ที่เป็นกระทรวงการค้าที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับกระทรวงเกษตรฯซึ่งเป็นกระทรวงที่ดูแลเกษตรกรทั่วประเทศในการผลิตสินค้าเกษตร ที่ส่งต่อให้กระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้ทำหน้าที่ค้าขายในบางสินค้า ทั้งข้าว มันสำปะหลัง และอีกมากมาย นั่นรวมถึงสินค้าเกษตรบางอย่างที่จะต้องมีการนำเข้าเมื่อคราที่ขาดแคลน โดยเฉพาะน้ำมันปาล์ม
จนสุดท้ายกลายเป็นปัญหาระหองระแหง ระหว่างกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรฯอย่างรุนแรงในหลายครั้ง เนื่องจากกระทรวงเกษตรฯ ต้องปกป้องเกษตรกร เพราะหากมีการนำเข้าจะกระทบต่อราคาปาล์มน้ำมันภายในประเทศ ส่วนกระทรวงพาณิชย์ ก็มักจะอ้างขาดแคลนอาจกระทบต่อผู้บริโภค ส่วนกระทรวงเกษตรฯยังยืนยัน ไม่ควรนำเข้าสุดท้ายก็เลือก
นำเข้า เพราะคณะกรรมการที่ดูแลน้ำมันปาล์มเขาดันเชื่อข้อมูลของกลุ่มพ่อค้า และสุดท้ายเป็นปัญหาบานปลายเนื่องจากราคาปาล์มน้ำมันภายในประเทศตกต่ำ ตามที่กระทรวงเกษตรฯให้ข้อมูลไป และนั่นก็ไม่ใช่เรื่องเดียวที่มีความขัดแย้งในเรื่องข้อมูลด้านการเกษตรที่สองหน่วยงานทำงานไม่เข้าขา ระหว่างกระทรวงค้าขายและกระทรวงที่ดูแลผู้ผลิตสินค้าเกษตร
มาถึงวันนี้เมื่อลมเปลี่ยนทิศให้ “พลเอกฉัตรชัย” ต้องมานั่งเป็นหัวเรือในการบริหารกระทรวงเกษตรฯ จากที่เคยนั่งกระทรวงพาณิชย์ ที่เป็นกระทรวงการค้าที่อ้างนักอ้างหนาเมื่อขายสินค้าเกษตรไม่ได้ก็มักอ้างสินค้าไม่มีคุณภาพขายลำบากจากนี้ไปคงได้เห็นการปรับแนวคิดและกระบวนทัพในการผลิตสินค้า เพราะคงรู้ดีว่าข้อมูลที่ทางกระทรวงพาณิชย์ให้มานั้นมันเป็นอย่างไง
ถึงวันนี้กระทรวงเกษตรฯ จะเดินหน้าอย่างไรให้การพัฒนาด้านการเกษตรมันเทียบทันอารยประเทศ ที่เป็นคู่แข่งการส่งออกของไทย เพราะเท่าที่ทราบทันทีมีปรับครม. แว่วกันว่าท่านรัฐมนตรีเรียกหน่วยงานกระทรวงเกษตรฯ ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมา กับกระทรวงพาณิชย์ โดยเฉพาะสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรฯที่มี อาจารย์ “ยิ้ม” นายเลอศักดิ์ ริ้วตระกูลไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เข้าชี้แจงข้อมูลให้ฟังเป็นหน่วยงานแรก
งานนี้อาจต้องมีการปรับขบวนทัพในเรื่องข้อมูลการเกษตรครั้งใหญ่ทั้งหมด เพื่อให้มีความทันสมัยมากขึ้นและนั่นก็คง
จะเป็นโอกาสที่ท่านรัฐมนตรีที่ชื่อ “ฉัตรชัย” จะได้ทำความเข้าใจกระทรวงเกษตรฯ ที่เป็นหน่วยงานที่ดูแลเกษตรกรที่เป็นภาคการผลิตสินค้าเกษตร ไปด้วยจากที่เคยมองในมุมมองของกระทรวงการค้าที่ด่ากระทรวงเกษตรฯ แบบไม่ไว้หน้ามาหลายครั้งว่าผลิตแต่สินค้าไม่ได้คุณภาพ และที่สำคัญ ท่านรัฐมนตรีคนใหม่ยังย้ำว่า นโยบายกระทรวงเกษตรฯ จากนี้ไปจะเน้นการผลิตสินค้าเกษตรที่เน้นเรื่องคุณภาพเป็นหลักและกำชับให้ข้าราชการกระทรวงเกษตรฯ ลงลุยพื้นที่หนุนให้เกษตรกรเขาลดต้นทุนการผลิต แถมท่าน “ฉัตรชัย” ยังย้ำว่า มีข้อมูลชัดเจนในพื้นที่ “ราชบุรี” ปลูกข้าวได้ด้วยต้นทุนต่ำ ตันละกว่า 3,000 บาท แต่แปลกใจว่าทำไมกระทรวงเกษตรฯ ไม่ลองไปดู เพราะหากทำได้ยังไงเกษตรกรก็ขายข้าวได้ราคาไม่ต่ำกว่าตันละ 6,000 บาท ซึ่งอยู่ได้อย่างมั่นคงและหากราคาสูงกว่านั้นก็ถือว่ามีกำไร
จากนี้ไปคงต้องติดตามว่ากระบวนทัพการเดินหน้าแก้ปัญหาภาคการเกษตรที่มีนายทหารชื่อ “พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ” จะเดินหน้าอย่างไรคงต้องติดตาม เพราะท่านขีดเส้นไว้ว่า 1 เดือน คงให้ทิศทางว่าควรปรับส่วนไหนบ้าง และจะทุ่มเทให้
งานในฐานะ รมว.เกษตรฯเต็มที่เพราะตำแหน่งที่ท่านรับราชการทหาร อีก 1 ตำแหน่งก็จะเกษียณอายุราชการในเดือนตุลาคมนี้ด้วยแต่ที่แน่ๆ คงไม่ถึง 1 เดือนคงเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในกระทรวงเกษตรฯในส่วนข้าราชการระดับสูงภายในกระทรวงเกษตรฯ ซึ่งมีทั้งตำแหน่งปลัดกระทรวงเกษตรฯที่ถูกปลดกลางอากาศ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และอธิบดีที่เกษียณหลายตำแหน่งนั่นไม่รวมที่ทำงานไม่เข้าตา ขัดแข้งขัดขาถ่วงความเจริญอีกเพียบ ลองดูกันว่า ท่านรัฐมนตรีคนนี้จะเลือก ม้าพยศทำงาน หรือม้าแกลบในเข่งรัฐบาลเก่า แต่งตัวรอเอาไว้
ราชดำเนิน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี