เมินมหาเถรฯอุ้มธัมมชโย
DSIลุยเชือด
ปม‘ฟอกเงิน-รับของโจร’
โยงเช็ค‘คลองจั่น’สรุปเดือนนี้
ยันสอบเส้นทางเงินผิดชัดเจน
ไพบูลย์ร้องฟันพศ.ละเว้นหน้าที่
มีความเคลื่อนไหวจากหลายฝ่ายหลัง สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.)
แถลงมติมหาเถรสมาคม (มส.) กรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สอบถามถึงการปฏิบัติหน้าที่หลังมีข้อร้องเรียนให้พระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ต้องอาบัติปาราชิกจากคดียักยอกเงินและที่ดินตามพระลิขิตสมเด็จพระสังฆราชหรือไม่ ซึ่งที่ประชุมมส.เห็นว่าคดี
พระธัมมชโยจบไปแล้วตั้งแต่ปี 2549 เมื่อศาลชั้นต้นคณะสงฆ์ไม่รับพิจารณา จึงไม่เข้าข่ายอาบัติปาราชิก
จ่อร้องพศ.-มส.ละเว้นอุ้มธัมมชโย
เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทาง และมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติกล่าวเรื่องนี้ว่า การกระทำลักษณะนี้เสมือนเป็นการโอบอุ้มพระธัมมชโย เพราะเรื่องนี้เลือกใช้กฎหมายได้ 2 ฉบับคือ กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 11 กับฉบับที่ 21 ซึ่งฉบับที่ 11 ว่าด้วยเรื่องนิคหกรรม ส่วนฉบับที่ 21 ว่าด้วยการให้พระภิกษุสละสมณเพศ ตามบทบัญญัติที่มีอำนาจโดยตรงเเละไม่กระทบการลงนิคหกรรม คล้ายกรณีอธิกรณ์พระยันตระ และในเมื่อเรื่องการยักยอกเงินและที่ดินวัดพระธรรมกายมีพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราช ชี้ให้พระธัมมชโยต้องอาบัติปาราชิกไปแล้ว ก็ควรดำเนินการตามกฎ มส. ฉบับที่ 21 เอาผิดพระธัมมชโย
“แม้พศ.ยืนยันว่าเรื่องจบไปแล้ว แต่กฎหมายยังเปิดช่องให้ดำเนินการต่อได้ เพราะสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินมีอำนาจวินิจฉัยเรื่องการใช้กฎหมายของเจ้าพนักงานรัฐว่า กรณีนี้ควรใช้กฎ มส. ฉบับที่ 11 หรือฉบับที่ 21 ซึ่งต้องยื่นเรื่องให้พิจารณาต่อไป” นายไพบูลย์ กล่าวและว่า สัปดาห์หน้าตนจะไปยื่นหนังสือที่ดีเอสไอกับสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้พิจารณาเรื่องละเว้นปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่พศ.กับมส. และพิจารณาการใช้ข้อกฎหมายเอาผิดพระธัมมชโย
อดีตผู้พิพากษาเห็นแย้งมติมส.
สอดคล้องกับความเห็นของนายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวโดยยกกรณีพระธัมมชโยเทียบกับคดีพระรูปหนึ่งข่มขืนผู้หญิง เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคแรก เข้าข่ายมาตรา 281 เป็นความผิดอันยอมความได้ เมื่อพระรูปนั้นถูกฟ้อง ในระหว่างพิจารณาของศาล ผู้เสียหายขอถอนคำร้องทุกข์ ทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไป ศาลต้องจำหน่ายคดีจากสารบบ พระรูปนั้นจึงไม่ถูกศาลลงโทษ แต่ไม่ได้หมายความว่าพระรูปนั้นไม่มีความผิดฐานข่มขืน ที่เป็นการร่วมประเวณีกับหญิงผู้เสียหาย
“กรณีเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายที่เอาที่ดินของวัดมาใส่ชื่อตนในโฉนดที่ดินเป็นผลให้ที่ดินตกเป็นกรรมสิทธิ์ของตน เป็นความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 252 ซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ และถูกฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลข้อหายักยอก แม้ต่อมาโอนคืนที่ดินให้วัดและพนักงานอัยการโจทก์ถอนฟ้องคดี แต่ความผิดฐานยักยอกทรัพย์ที่ครบองค์ประกอบความผิดโดยสมบูรณ์แล้ว ก็ยังคงเป็นความผิดอยู่”นายชูชาติกล่าว และตั้งคำถามถึงผู้เกี่ยวข้องกับคดีเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายว่า การที่พระร่วมประเวณีกับผู้หญิงแม้ไม่ถูกศาลลงโทษข้อหาข่มขืน พระรูปนั้นต้องอาบัติปราชิก ต้องขาดจากความเป็นพระหรือไม่ ถ้าต้องอาบัติปาราชิก เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายก็ต้องอาบัติปาราชิกและต้องขาดความเป็นพระภิกษุเช่นกัน
พศ.ยันมติมส.-เมินไพบูลย์ฟ้อง
ขณะที่ นายชยพล พงษ์สีดา รอง ผอ.พศ.กล่าวถึงกรณีนายไพบูลย์และเครือข่ายชาวพุทธจะยื่นฟ้องพศ.และมส.ที่ไม่ชี้ว่าพระธัมมชโยอาบัติปาราชิกโดยยืนยันว่า พศ.และมส.ปฏิบัติตามพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชเต็มที่แล้ว โดยยึดหลักปฏิบัติตามพ.ร.บ.คณะสงฆ์ 2505 แก้ไขเพิ่มเติม 2535 กฎมส.และพระธรรมวินัย เมื่อคดีสิ้นสุดในศาลสงฆ์ชั้นต้น ตามกฎ มส.ฉบับที่ 11 ว่าด้วยการลงนิคหกรรมกำหนดไว้คดีทางสงฆ์ใดที่สิ้นสุดแล้ว ไม่สามารถนำคดีนั้นมายื่นฟ้องใหม่ได้ หากจะยื่นฟ้องต้องเป็นคดีใหม่กรณีอื่น ดังนั้น การที่นายไพบูลย์จะยื่นฟ้องพศ.และมส.เป็นสิทธิ์ที่ทำได้ ถ้าศาลรับฟ้องก็ยินดีไปชี้แจง
สั่งพศ.แจงทำสุดเขตอำนาจหรือยัง
ส่วน นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแล พศ.กล่าวว่า หลังมส.มีมติพระธัมมชโยไม่อาบัติปาราชิก ก็ต้องไปดูหนังสือชี้แจงของมส.และพศ.ที่ทำถึงดีเอสไอ ซึ่งสอบถามความเป็นมาเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ตนบอกพศ.ไปว่าเรื่องนี้สังคมไม่ได้มองเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ข้อบังคับหรือพระธรรมวินัยเท่านั้น แต่เป็นคำถามเกี่ยวกับความศรัทธาต่อองค์กร สถาบันพระพุทธศาสนา พศ.จึงต้องชี้แจงสังคมให้เข้าใจว่าที่ผ่านมา ทำตามอำนาจหน้าที่ตัวเองอย่างไร สุดขอบเขตอำนาจตัวเองแล้วหรือยัง ขณะที่ มส.ต้องทำแบบนี้เช่นกัน
ชี้ตั้งสังฆราชองค์ใหม่ยังไม่คืบ
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะทำอย่างไรเพราะมีข้อครหาเกี่ยวกับสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชกับวัดพระธรรมกาย ยังเป็นที่สงสัยของสังคมอยู่ นายสุวพันธุ์กล่าวว่า เราต้องแยกกันก่อน ข้อกฎหมายหรือข้อธรรมวินัยที่ออกมาก็เป็นไปตามมตินั้น แต่มีเรื่องของศรัทธาอยู่ จึงต้องดูสังคมรู้สึกอย่างไร จำเป็นต้องชี้แจงหรือทำความเข้าใจอะไรเพิ่มเติม ต้องเอาศรัทธากลับมาให้ได้
ถามต่อว่าเมื่อเรื่องนี้จบแล้วทำให้การแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่เดินต่อไปได้หรือไม่ นายสุวพันธุ์กล่าวว่า เป็นคนละเรื่องกัน แต่สังคมอาจมองถึงความเชื่อมโยงกัน เรื่องแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชยังอยู่ในขั้นตอนของตนอยู่ยังไม่ได้เดินหน้าไปไหน เพราะตนยังเข้าใจสถานการณ์ได้ไม่ครบถ้วน
DSIชี้ฟ้องพศ.-มส.หน้าที่ปปช.
ด้าน พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอกล่าวว่า ประเด็นอาบัติปาราชิกหรือไม่ของพระธัมมชโยเป็นหน้าที่หน่วยสงฆ์รับผิดชอบ ดีเอสไอมีหน้าที่สอบคดีอาญา ครั้งนี้ดีเอสไอเป็นตัวกลางสอบถามไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบ หาคำตอบให้ผู้ร้อง ส่วนมติทางสงฆ์เป็นอย่างไร หน่วยงานนั้นๆมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบผลการพิจารณาของตัวเอง สังคมจะตัดสินเองได้ ส่วนกรณีที่จะฟ้องเอาผิดกับพศ.กับมส.ตามมาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่นั้น ถ้าร้องมาที่ดีเอสไอก็ต้องส่งเรื่องไปให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ไต่สวน เพราะเป็นความผิดของเจ้าพนักงานไม่อยู่ในอำนาจดีเอสไอ
แถลงปมรถหรูสมเด็จสัปดาห์หน้า
สำหรับความคืบหน้าการตรวจสอบรถเบนซ์หรูโบราณทะเบียน ขม 99 ของสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ พ.ต.อ.ไพสิฐ เผยว่า อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คืบหน้าไปพอสมควร เอกสารที่เกี่ยวข้องจะได้ครบสัปดาห์หน้า และจะแถลงผลตรวจสอบให้สังคมทราบทั้งการได้มาถูกกฎหมายหรือไม่ การเสียภาษี ส่วนเรื่องเจตนามิชอบของสงฆ์ที่ได้รถมาครอบครองต้องไปดูในรายละเอียดการสอบสวน ถ้ามีหลักฐานเกี่ยวกับสงฆ์จะส่งเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาต่อไป
จ่อฟันธัมมชโยรับเช็คคลองจั่น
ด้าน พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดี ดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นเปิดเผยความคืบหน้าคดี ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกาย หลังมีชื่อรับเช็ค 878 มูลค่า 11,376 ล้านบาท จากนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์ฯว่า พนักงานอัยการมีหนังสือแจ้งกลับมาทางดีเอสไอเมื่อวันที่ 29 มกราคม ให้ดีเอสไอสามารถดำเนินการพิจารณาในเรื่องฐานความผิดฟอกเงินหรือรับของโจรได้เลย ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณาดำเนินการ โดยในส่วนวัดพระธรรมกายและเครือข่ายมีข้อเท็จจริงชัดเจน จากการสอบสวนเส้นทางการเงิน พบมีการรับเช็คดังกล่าวไปจริง หลังจากนี้ต้องสอบสวนว่าจะเข้าข่ายความผิดใดระหว่างฟอกเงินหรือรับของโจร โดยต้องพิสูจน์เจตนาเป็นหลัก ซึ่งทั้ง 2 ข้อหาอายุความต่างกัน โดยคดีฟอกเงินอายุความ 15 ปี ส่วนรับของโจรอายุความ 10 ปี ซึ่งก่อนหน้านี้ชุดสอบสวนเส้นทางการเงินมีข้อมูลพอสมควรแล้ว คาดจะชี้มูลความผิดได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์
หลวงปู่สวดยับมส.อุ้มธัมมชโย
วันเดียวกัน พระพุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความเห็นกรณีมส.ไม่มีมติปมปาราชิกพระธัมมชโย โดยตำหนิมติดังกล่าวว่า เป็นการแสดงตัวตนที่แท้จริงของ มส. ถ้าเป็นคนคุ้นเคย บริจาคทรัพย์มาก จะมีเมตตาเป็นพิเศษ โดยไม่สนใจว่าจะมีความประพฤติ ประวัติอย่างไร พร้อมระบุว่า ทุกวันนี้ มส.เคยเข้าไปห้ามธัมมชโยเรื่องคำสอนที่ผิดเพี้ยนจากพระธรรมวินัย หรือสั่งตรวจสอบกรณีพัวพันคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนหรือไม่ มส.ไม่เคยตอบสังคมได้เลย ซ้ำยังมาแสดงพฤติกรรมอุ้มกันอีก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี