นายเชาว์ ทรงอาวุธ ปฏิบัติหน้าที่ผู้ว่าการ การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีเกษตรกรมาแจ้งความจำนง ขอขึ้นทะเบียนเข้าร่วมโครงการสร้างความเข้มแข็งแก่เกษตรกรชาวสวนยาง 750,000 ครัวเรือน โดยจ่ายเงินช่วยเหลือให้เกษตรกรที่เป็นเจ้าของสวนยางหรือผู้เช่าสวนยางแล้ว 355,000 ครัวเรือน คนกรีดยาง 350,000 คน คิดเป็นจำนวนเงินกว่า 5,330 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะเร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 25 มีนาคม

สำหรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจ่ายเงินช่วยเหลือนั้น จะจ่ายเฉพาะเกษตรกรชาวสวนยางหรือผู้เช่าสวนยาง
ที่มีเอกสารสิทธิ์ในที่ดิน และได้ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมส่งเสริมการเกษตรปี 2557/2558 รวมทั้งจะต้องเป็นสวนยางที่เปิดกรีดแล้ว อัตรารายละไม่เกิน 15 ไร่ จำนวน 1,500 บาทต่อไร่ แบ่งเป็นเงินช่วยเหลือเกษตรกรเจ้าของสวนยาง หรือผู้เช่าสวนยางจำนวน 900 บาทต่อไร่ เพื่อใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ปัจจัยการผลิตและปรับปรุงคุณภาพการผลิต ส่วนที่เหลืออีก 600 บาทต่อไร่จะจ่ายเป็นค่าครองชีพให้คนกรีดยาง

อย่างไรก็ตาม ในจำนวนเกษตรกรทั้ง 750,000 ครัวเรือน ที่แจ้งความจำนงเข้าร่วมโครงการนั้น จากการตรวจสอบเบื้องต้นปรากฏว่า มีเกษตรกรทีี่คุณสมบัติไม่ตรงตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขประมาณ 70,000 ราย ซึ่ง กยท.รวบรวมแบ่งประเด็นปัญหาแยกออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรกคือ ไม่มีคุณสมบัติ เช่น ไม่มีเอกสารสิทธิในที่ดิน มีการโค่นสวนยางไปแล้ว ได้มีการขายสวนยางไปแล้ว แบ่งสวนยางให้กับทายาทไปแล้ว เป็นต้น กยท.จึงไม่สามารถจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรในส่วนนี้ได้ และส่วนที่สอง คือ มีปัญหาเรื่องที่ดิน เนื่องจากเกษตรกรชาวสวนยางจำนวนหนึ่งมีเอกสารสิทธิในที่ดินเป็นใบ สค.1 ซึ่งตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ กยท.ไม่สามารถจ่ายเงินช่วยเหลือได้ เนื่องจาก สค.1 ถูกยกเลิกไปแล้ว จึงได้ทำหนังสือไปถึงกรมที่ดินเพื่อถามว่า ใบสค.1 เป็นกรรมสิทธิ์ของเกษตรกรชาวสวนยางด้วยหรือไม่