ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารโครงการ กรมชลประทาน เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บูรณาการฟื้นฟูและพัฒนาบึงบอระเพ็ด จ.นครสวรรค์ ให้เป็นแหล่งกักเก็บน้ำ และการท่องเที่ยว โดยที่ผานมา กรมชลประทาน เคยทำการศึกษาจัดทำแผนแม่บทโครงการพัฒนาบึงบอระเพ็ดไว้ตั้งแต่ปี 2547 มี 9 ยุทธศาสตร์ คือ 1.การกำหนดแนวเขตบึงและควบคุมการพัฒนาพื้นที่ 2.การพัฒนาให้เป็นแหล่งน้ำเพื่ออุปโภค บริโภค และการเกษตร 3.การเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืดและแหล่งส่งเสริมการประมง 4.การรักษาระบบนิเวศ 5.การพัฒนาเป็นแหล่งสงวนพันธุ์สัตว์ป่า 6.การพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ 7.การบรรเทาปัญหาน้ำท่วมจากน้ำหลากและน้ำท่วมขัง 8.การแก้ไขปัญหาการเสื่อมโทรมของดิน 9.การดำเนินการกับนกอพยพ

สำหรับยุทธศาสตร์ที่ 2 คือ การพัฒนาเป็นแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค และการเกษตร ซึ่ง กรมชลประทาน เป็นหน่วยงานหลัก
รับผิดชอบนั้นที่ผ่านมาได้ก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่พร้อมระบบส่งน้ำ และท่อระบายน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำตอนบนเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ตามแผนงานจะต้องสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดกลางอีก 2 แห่ง คือ อ่างเก็บน้ำคลองกำปาง ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษา และอ่างเก็บน้ำโสกซับแดง ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถดำเนินการได้

นอกจากนี้ยังได้ดำเนินการศึกษาความเหมาะสมโครงการกำหนดปริมาณเก็บกักน้ำในบึงบอระเพ็ดเพื่อเพิ่มพื้นที่น้ำท่วมถาวรให้มากกว่าปัจจุบันซึ่งท่วมประมาณ 39,050 ไร่ โดยการสร้างคันกั้นน้ำรอบบึง เพื่อให้น้ำท่วมในพื้นที่ที่กำหนด ซึ่งจะทำให้มีพื้นที่น้ำท่วมสูงสุด 94,538 ไร่ และมีพื้นที่น้ำท่วมถาวร 82,846 ไร่ และจะสามารถกักเก็บน้ำได้สูงสุด 318.66 ล้านลูกบาศก์เมตร ใช้เงินลงทุนประมาณ 2,905 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบความต้องการในพื้นที่ล่าสุดพบว่า ต้องการให้มีการขุดลอกตะกอนดินในบึงบอระเพ็ดบริเวณหน้าอาคารแสดงพันธุ์สัตว์น้ำบึงบอระเพ็ดพื้นที่ 2,000 ไร่ และบริเวณพื้นที่ฝายกั้นน้ำเดิม และฝายกั้นน้ำใหม่ประมาณ 300 ไร่ รวมทั้งต้องการให้ปรับระดับฝายน้ำล้นบริเวณคลองบางปองขาก และบริเวณประตูระบายน้ำบึงบอระเพ็ดศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดนครสวรรค์ นอกจากนี้ต้องการให้สร้างถนนลาดยางพร้อมเส้นทางจักรยานรอบบึงบอระเพ็ดขนาดกว้าง 8 เมตร ยาว 70 กิโลเมตร อีกด้วย