นางสาวเสริมสุข สลักเพ็ชร์ รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ปัจจุบันธุรกิจการแช่เยือกแข็งทุเรียน มีการขยายตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่สิ่งที่พบคือผู้ประกอบการแต่ละรายมีการใช้วิธีการผลิต และคุณภาพเนื้อทุเรียนที่แตกต่างกัน จึงทำให้คุณภาพของทุเรียนแช่เยือกแข็งแบ่งออกได้หลายระดับ ตั้งแต่ระดับคุณภาพสูงเกรดพรีเมียมลงมาจนถึงทุเรียนด้อยคุณภาพ ถ้าปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกทุเรียนแช่เยือกแข็งในอนาคตได้

ดังนั้น กรมวิชาการเกษตร โดยกองพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าพืช ร่วมกับสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 จันทบุรี ได้จัดประชุม “แนวทางการควบคุมคุณภาพทุเรียนแช่เยือกแข็งเพื่อการส่งออก” โดยเชิญผู้ประกอบการแช่เยือกแข็งทุเรียนในพื้นที่ภาคตะวันออกและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) และกองพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าพืช มาประชุมหารือเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวร่วมกัน

ผลจากการประชุมพบว่า ปัญหาหลักเกิดจากบริษัทบางแห่งมีกระบวนการผลิตที่ไม่เหมาะสม มีสิ่งเจือปน คุณภาพของเนื้อทุเรียนไม่ได้มาตรฐาน ที่สำคัญยังพบสารเคมีตกค้างในผลผลิตเกินค่ามาตรฐานที่ประเทศคู่ค้ากำหนด ฉะนั้นจึงมีข้อสรุปในเบื้องต้นว่า ต้องมีการควบคุมและยกระดับมาตรฐานการผลิตทุเรียนแช่เยือกแข็ง โดยจะใช้มาตรฐานสินค้าเกษตร มกษ.9023-2550 เป็นตัวกำกับมาตรฐานการผลิตให้มีคุณภาพตามที่กำหนดและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ซึ่งคาดว่า มาตรฐานสินค้าเกษตรการผลิตทุเรียนแช่เยือกแข็งจะสามารถประกาศใช้ได้ภายในปี 2560 ซึ่งหากผู้ประกอบการมีการปฏิบัติตามมาตรฐานจะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการเอง และส่งผลถึงเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียน ทั้งยังสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศคู่ค้าได้ดียิ่งขึ้นด้วย

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแช่เยือกแข็งเป็นกรรมวิธีการแปรรูปอาหารเพื่อถนอมอาหาร ด้วยการลดอุณหภูมิของอาหารเพื่อให้น้ำในอาหารเปลี่ยนสถานะเป็นน้ำแข็ง ทำให้อาหารคงความสดและรักษาคุณภาพอาหารได้ดีกว่าการถนอมอาหารด้วยวิธีอื่นๆ ผลิตภัณฑ์อาหารแช่เยือกแข็งมีหลากหลายรูปแบบและใช้ได้ดีกับอาหารแทบทุกชนิด เช่น ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ หรืออาหารที่ผ่านการปรุงสุกเพื่อเป็นอาหารพร้อมรับประทาน โดยการแช่เยือกแข็งสามารถใช้ร่วมกับกรรมวิธีการแปรรูปอาหารวิธีอื่น เช่น การพาสเจอร์ไรซ์ การทำให้เข้มข้นการฉายรังสี หรือการหมัก เพื่อยืดอายุการเก็บรักษาอาหารให้ยาวนานขึ้น

อย่างไรก็ตาม การแช่เยือกแข็ง ไม่ได้เป็นกรรมวิธีที่มุ่งทำลายจุลินทรีย์ที่ทำให้อาหารเน่าเสียหรือมุ่งทำลายจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรค แต่เป็นการรักษาคุณภาพ และป้องกันการเพิ่มจำนวนของจุลินทรีย์ตลอดจน ป้องกันการเกิดผลึกใหม่ของน้ำแข็ง ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเสื่อมคุณภาพ

โดยปัจจุบันการแช่เยือกแข็งได้เข้ามามีบทบาทอยู่สูงต่อการส่งออกสินค้าการเกษตร ทั้งเนื้อสัตว์ ผัก และโดยเฉพาะ เนื่องจากช่วยยืดอายุเก็บรักษาได้นาน เป็นสินค้าที่ตลาดต่างประเทศตอบรับดียิ่ง ที่สำคัญยังมีส่วนช่วยเหลือชาวสวนรายย่อยในการลดปัญหาผลผลิตการเกษตรล้นตลาด และประคองราคาผลไม้ไม่ให้ตกต่ำจนเกินไปได้อีกทางหนึ่งด้วย