วันอังคาร ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2568
เฝ้าติดตามผลงานของกระทรวงเกษตรฯมานานหลายเดือนตามแนวนโยบายของรัฐบาล ต้องบอกว่า เท่าที่ทราบถึงแนวทางการทำงานตามนโยบายของรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา ปัญหาที่มีการกำชับในเรื่องแรกๆ เห็นจะหนีไม่พ้นเรื่องของปากท้อง ปัญหาราคาสินค้า และตามมาด้วยการจัดการเรื่องปัญหาที่ดินทำกิน มาถึงวันนี้นานหลายเดือน และเปลี่ยนมา 2 รัฐมนตรี จนล่าสุด มีการเปลี่ยนแปลงปลัดที่ข้ามห้วยมาจาก กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มานานกว่า 6 เดือน
ถึงเวลานี้ กระทรวงเกษตรฯมีแผนงานที่ออกมาว่ากันว่าเป็นรายสัปดาห์ และต่อเนื่องไล่มาจาก ก่อนหน้าก่อนที่จะถึงช่วงฤดูการเก็บเกี่ยวในช่วงปลายปีที่ผ่านมา กระทรวงเกษตรฯมีการหารือต่อเนื่องในการวางแผนล่วงหน้าในการรับมือภัยแล้ง โดยเฉพาะการเตรียมพร้อมการส่งเสริมการปลูกพืชหลังนา และตามแผนจะสามารถปลูกได้ สุดท้ายที่วันที่ 15 มกราคม 2559 ปลูกพืชหลังนาได้ อันเนื่องมาจากความชื้นไม่เหมาะสมแล้งเกินไป สุดท้ายโดยสรุปจัดหาเมล็ดพันธุ์ไม่ทัน และต้องปรับไปปลูกพืชสวน เพาะเห็ด ตามติดไปด้วย การแนะนำ เปลี่ยนมาปลูกพืชสวน สรุป เวลานี้ยังไม่ชัดเจนว่าพื้นที่ไหนสำเร็จ
มาติดตามอีกเรื่อง คือเรื่องการจัดการเรื่องเกษตรแปลงใหญ่ ว่ากันว่า งานนี้กำหนดว่า มีแปลงใหญ่ตามนโยบายของท่านรัฐมนตรี มากมายถึง 226 ประเทศ และจะเริ่มเห็นผลชัดเจน ในช่วงเดือนพฤษภาคม พร้อมกัน 76 แปลง ทั่วประเทศ จังหวัดละ 1 แปลง โดยแปลงใหญ่ว่ากันว่า เป็นการดึงเกษตรกรรายย่อยในพื้นที่ให้ผลิตสินค้าเกษตรที่เหมือนๆ กัน เพื่อสร้างอำนาจการต่อรอง โดยจะมีการประสานงานกับภาคเอกชนในพื้นที่ เพื่อหาตลาดที่ชัดเจน ให้สามารถสร้างรายได้อย่างยั่งยืน ซึ่งตามแนวคิดถือเป็นเรื่องที่ดี แต่การปฏิบัติต้องติดตามต่อไป เพราะทุกอย่างเป็นเพียงแผนงาน
มาตามต่ออีกเรื่อง ที่เพิ่งงอกออกมาไม่นาน คือเรื่องการจัดทำแผนที่โซนนิ่ง หรือแผนที่เกษตรว่ากันว่ากระทรวงเกษตรฯ จะทำให้เกิดความสมบูรณ์ ภายในเดือนเมษายนนี้ พร้อมกับจะนำไปเริ่มให้กับจังหวัดต่างๆ นำไปใช้บริหารจัดการพื้นที่เกษตรในพื้นที่ได้จริง ซึ่งข้อมูลมีความทันสมัยอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายต่อยอดพัฒนาเพิ่มผลผลิต และการตลาด หากพื้นที่ใดไม่เหมาะสม มีมาตรการให้แรงจูงใจช่วยให้ปรับเปลี่ยนพืชว่ากันว่า กระทรวงเกษตรฯ เสนอรายงานต่อท่านนายกรัฐมนตรี เมื่อคราวที่ท่านนายกฯ “ลุงตู่” เดินทางไปตรวจพื้นที่ จ.อุดรธานี ที่ผ่านมา
แถมปลัดที่ข้ามห้วยมาจาก อธิบดีกรมป่าไม้ อย่างท่าน “ธีรภัทร ประยูรสิทธิ” ยังบอกด้วยว่า แผนที่เกษตรจะช่วยด้านการอนุรักษ์พื้นที่ป่าด้วย โดยพื้นที่เกษตรที่มีพื้นที่ติดกับพื้นที่ป่า จะเป็นการเกษตรแบบ “เขตกันชน” หรือบัฟเฟอร์โซน ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี ไม่ให้บุกเข้าไปถางป่า ล่าสัตว์ เพิ่มความสมบูรณ์คืนพื้นป่า จะนำร่องพื้นที่ จ.อุทัยธานี รอบพื้นที่ป่าตะวันตก และรอบป่ารอยต่อ 5 จังหวัด สร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์ และการพัฒนา อยู่ร่วมกันได้โดยไม่บุกรุกป่าเพิ่ม แก้ภัยแล้งน้ำท่วมได้ยั่งยืนเสียด้วย การปฏิรูปการเกษตรแผนใหม่นี้จะพัฒนาเทคโนโลยี เพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน ทำการเกษตรแปลงใหญ่ ซึ่งรมว.
เกษตรฯได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือ ระหว่างกระทรวงเกษตรฯกับภาคเอกชน ที่มาเพิ่มการตลาดและเทคนิคทางวิชาการในรูปแบบ “ประชารัฐ”
ราชดำเนิน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี